นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) CMC ผู้นำด้านพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2563 โดยมีกำไรสุทธิ รวม 59.57 ล้านบาท เติบโตจากปี 2562 ที่มีกำไร 35.44 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 146.72 หรือ 1.46 เท่า มาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และรายได้จากก่อสร้าง รวม 1,164.74 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะลดลงจากปี 2562 ที่มีรายได้ 1,383.18 ล้านบาท ลดลงคิดเป็น ร้อยละ 15.79 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 ตลอดจนปัญหาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ จึงได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้การรับรู้รายได้จะไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่ CMC สามารถทำกำไรสุทธิเติบโตได้ถึง 1.46 เท่า มาจากความสามารถในบริหารงาน ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ถึงร้อยละ 24 สาเหตุหลักมาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมก่อสร้างเสร็จ พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสสุดท้าย คือ โครงการ แบงค์คอก ฮอไรซอน ไลท์ @ สถานีเพชรเกษม 48 (Bangkok Horizon LITE @ Phetkasem 48 Station)
CMC ปรับกลยุทธ์พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสของผู้ที่ต้องการบ้านในราคาที่คุ้มค่า โดยการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าเน้นระบาย Inventory ยูนิตพร้อมอยู่ และในส่วนโครงการพรีเซลล์ได้จัดแคมเปญช่วยผ่อนเพื่อลดภาระให้กับผู้บริโภคในช่วง COVID-19 มีการปรับลดค่าใช้จ่ายในการใช้สื่อออฟไลน์ และเน้นการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น มีการพัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข่าวสาร/ โปรโมชัน CMC ได้ทุกช่วงเวลา ตอบสนองการใช้ชีวิตแบบ New Normal รวมถึงการเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ให้มีความหลายหลาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้ตัดสินใจก่อนเข้ามาเยี่ยมชมโครงการจริง นอกจากการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ CMC เรายังมองหาโอกาสและแผนในการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ๆ รับรู้รายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีแห่งความท้าทายในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ CMC เรายังสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ได้อย่างงดงาม สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยการดำเนินงานภายในปี 2564 นี้ CMC มีแผนจะนำโครงการที่ชะลอไว้ในช่วงปีที่ผ่านมา กลับมาทบทวนการเปิดโครงการใหม่อีกครั้ง จำนวน 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาท ซึ่งกำลังรอสถานการณ์ ไวรัส COVID-19 คลี่คลาย ซึ่งขณะนี้มีโครงการ เดอะคิวเว่ ติวานนท์ (The Cuvee Tiwanon) ที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม "Affordable Luxury" เจาะกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่ต้องการคอนโดมิเนียมลักซูรี่ติดรถไฟฟ้าในราคาที่จับต้องได้ และมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่บนทำเลที่ CMC มีความชำนาญและครองส่วนแบ่งการตลาดมาก่อน ได้แก่ ชาโตว์ อินทาวน์ รัชโยธิน (Chateau In Town Ratchayothin) คอนโดมิเนียม Low Rise ตอบสนอง "Urban Lifestyle" การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่บนทำเลใจกลางเมือง ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS รัชโยธิน ในราคาคุ้มค่าเฉลี่ยตารางเมตรละ 85,000 บาท ทั้งนี้มีโครงการที่กำลังก่อสร้าง ได้แก่ เดอะเคลฟ ริเวอร์ไลน์ เจ้าพระยา-วงศ์สว่าง (The Clev Riverline Chaophraya - Wongsawang) ได้ฤกษ์ลงเสาเอกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ที่มีแนวคิดการลงทุนแบบคุ้มค่า ความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อทุกการเดินทาง และ Facility ครบครัน นอกจากนี้ CMC มีโครงการทาวน์โฮมย่านสาทร - กัลปพฤกษ์ที่เป็นส่วนขยายจากโครงการเดิม ซึ่งมีลูกค้าให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ได้มีการเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านบริหาร โดยมีแผนการปรับโครงสร้างของการบริหารใหม่ สรรหาบุคลากรที่มีความชำนาญในสายอสังหาริมทรัพย์เข้ามาบริหารในองค์กร และยกระดับการบริการหลังการขายให้เข้าถึงง่าย อย่างรวดเร็ว และทันสมัยยิ่งขึ้น
"ปัจจุบัน CMC มีโครงการที่เปิดการขายทั้งหมด 29 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท และเตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ CMC เพื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 27 อย่างยั่งยืนในเร็ว ๆ นี้ ที่สำคัญต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านสำหรับความเชื่อมั่นและไว้วางใจในคุณภาพสินค้าและการบริการของบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) ตลอด 26 ปีที่ผ่านมา CMC เรามุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศแห่งการเป็นผู้พัฒนาการอยู่อาศัย ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้" นายแพทย์วิเชียร กล่าว