บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI กลุ่มผู้นำในธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร หลังประกาศผลงานปี 63 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ก็ได้รับเสียงตอบรับจากนักวิเคราะห์ ประเมินความน่าสนใจบริษัท แนะนำ "ซื้อ" พิสูจน์ฝีมือแม่ทัพใหญ่บริษัท "สมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ออกมาสร้างความเชื่อมั่นปี 64 คาดผลงานโชว์ฟอร์มสวยต่อเนื่อง และติดตามสตอรี่ใหม่ปีนี้
โดยบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง STI เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 64 ว่า "กำไรในปี 2563 อยู่ที่ 149.2 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่ 85.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +74% เทียบกับปีก่อนหน้า(YoY) ได้ประโยชน์จากการควบรวมกิจการบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/63 เป็นสาเหตุหลักที่หนุนกำไรในปีนี้ อีกทั้งยังประกาศจ่ายเงินปันผลปี 2564 อยู่ที่ 0.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูง 4.96%
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าซื้อกิจการเพิ่มอีก เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโต หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการซื้อกิจการ เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯ และช่วยหนุนกำไรของบริษัทให้เติบโตสูงในปีที่ผ่านมา ซึ่งหากสามารถซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นได้อีก จะส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญต่อจากปีก่อน เป็นปัจจัยที่ดีต่อพัฒนาการบริษัท ซึ่งเรายังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการ
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ใช้ราคาพื้นฐานปี 2564 ที่ 11.65 บาท โดยอ้างอิงกับ P/E ที่ 15 เท่า ณ ที่ราคาปัจจุบันบริษัทซื้อขายที่ P/E ปี 2564 เพียง 10.4 เท่า เป็นระดับที่ต่ำกว่าการเติบโตในปี 2563 ที่ 74% และปี 2564 ที่ 39% พอควร"
ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง STI เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 64 ว่า "รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 35.58 ล้านบาท ดีกว่าคาด เพิ่มขึ้น 64% เทียบกับปีก่อนหน้า(YoY) และยังคงมุมมองเชิงบวกสำหรับการเติบโตในปี 64 โดยคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 64 ว่าจะทำสถิติสูงสุด ที่ 175 ล้านบาท +17% เทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) จากการรับรู้รายได้ของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯ เต็มปีเป็นปีแรก และมี Backlog ที่เพียงพอจะรับรู้รายได้ไปถึง 3 ปีข้างหน้า ในเชิง Valuation STI ซื้อขายบน PER263-64 ที่ 11-12 เท่า และมีปันผล 5% ต่อปี จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ได้ราคาเหมาะสมปี 64 เท่ากับ 10.50 บาท โดยอิง PER ที่ 15 เท่า"
ด้าน บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุถึง STI เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 64 ว่า "ยังเติบโตสดใส เงินปันผลงาม และลุ้นมีดีลใหม่เพิ่ม upside หลังซื้อกิจการบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯ ยอด Backlog ของกลุ่มเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 2 พันล้านบาทเป็น 4 พันล้านบาท นอกจากนี้ เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯ ยังเน้นรับคุมงานก่อสร้างโครงการภาครัฐเป็นหลัก จึงไม่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด อีกทั้ง STI เองได้มีการปรับตัว โดยรับคุมงานก่อสร้างภาครัฐมากขึ้น
นอกจากนี้ STI ยังรับผลบวก 4 เดือนแรกของปีก่อนที่มีฐานรายได้และฐานกำไรต่ำ เพราะยังไม่รวมกำไรของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่งฯ ในงบการเงินรวม จึงเห็นกำไรงวดไตรมาส 1/64 ยังเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในระดับสูงมาก ขณะกำไรงวดไตรมาส 2/64 จะเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในอัตราที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ STI ตั้งเป้าเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น ในปีนี้จะบางลงจากปีก่อนหน้า เพราะงานส่วนใหญ่เป็นโครงการภาครัฐ ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A กว่า 60% เป็นต้นทุนคงที่ ทำให้กำไรมีแนวโน้มเติบโตมากกว่ารายได้
อย่างไรก็ตาม ยังอนุรักษ์นิยมคาดการณ์รายได้ปีนี้เติบโตราว 18% ขณะที่คาดกำไรสุทธิปี 64 อยู่ที่ 177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8% และคาดจะเติบโตอีก 10.3% ในปี 65 คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 64 ที่ 10 บาท"
ก่อนหน้านี้ นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) ประกาศงบปี 63 มีกำไรสุทธิ 149.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 74.5% มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 1,570.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.5% ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมกันกว่า 4,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และวางเป้ารายได้ปีนี้แตะระดับ 1,900 ล้านบาท หรือเติบโตราว 20% สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนจะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต