PIMO-ไพโม่ จับมือ สวทช.เดินหน้าร่วมพัฒนาโครงการวิจัย (Full proposal) "ระบบคมนาคมแห่งอนาคต:เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV component)" หวังช่วยยกระดับผู้ประกอบให้มีศักยภาพ-พัฒนาเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ด้านหัวเรือใหญ่ "วสันต์ อิทธิโรจนกุล" แย้มอยู่ระหว่างเดินหน้าเซ็น MOU กับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศ คาดได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO-ไพโม่ ประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioning Motor) มอเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป (Induction Motor) เครื่องสูบน้ำ ปั๊มหอยโข่ง มอเตอร์สำหรับสระว่ายน้ำ มอเตอร์สำหรับปั๊มบ้าน (Submersible Pump,Pool Spa Pump and Home Pump) เปิดเผยว่าจากประกาศรับข้อเสนอโครงการวิจัย (Full proposal) ประจำปีงบประมาณ 2564 (รอบที่2) แผนงานกลุ่มระบบคมนาคมแห่งอนาคต แผนงานย่อยเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ชื่อทุน "ระบบคมนาคมแห่งอนาคต:เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV component)" นั้น
ไพโอเนียร์ มอเตอร์ มีความสนใจที่จะเข้าร่วมภายในโครงการพัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า โดยได้พูดคุยกับทีมวิจัยมอเตอร์ไฟฟ้าและกำลังแปลงผัน สังกัดศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เพื่อร่วมทีมวิจัยสำหรับส่งข้อมูลเสนอโครงการ
นอกจากนี้ไพโอเนียร์ มอเตอร์ ยังยินดีที่จะร่วมทุนวิจัยพัฒนาตามเกณฑ์ที่กำหนดและบริษัทฯ หวังว่าโครงการวิจัยดังกล่าวจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ช่วยยกระดับผู้ประกอบการภายในประเทศให้มีศักยภาพพัฒนาเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
"ทาง สวทช.จะมาช่วยไพโอเนียร์ มอเตอร์ในแง่การออกแบบขดลวดและแม่เหล็กภายในมอเตอร์ ตลอดจนช่วยพัฒนาทางชุดควบคุมแบบ Electronic เพื่อให้สินค้ามีสมรรถนะทางด้านคุณภาพและต้นทุนให้มีความสามารถในการแข่งขัน ให้ดีที่สุด โดยทางไพโอเนียร์ ได้แสดงเจตจำนงไปตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ทาง สวทช. ได้ตอบรับมาเมื่อตอนต้นมีนาคมนี้ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นอกมั่นใจให้กับคู่ค้า" นายวสันต์ กล่าว
อย่างไรก็ตามขณะนี้ ไพโอเนียร์อยู่ระหว่างเดินหน้าเซ็น MOU กับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สปดาห์ข้างหน้า เพื่อให้ครบ Supply Chain ส่วนปัจจุบันผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์สันดาปของประเทศไทย ประกอบด้วย1.ฮอนด้า 2.ยามาฮ่า 3.GPX และ 4.E Tran ซึ่งตลาดจักรยานยนต์เป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยเฉพาะใน Southeast Asia และประเทศไทยเป็นผู้นำของสินค้าประเภทนี้ ในตลาดเครื่องยนต์สันดาปมาตลอด
"ทางบริษัทฯ จึงอยากกระโดดเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ประเทศไทยยังคงสถานะการแข่งขันในตลาดจักรยานยนต์ในอนาคต เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปมาเป็นระบบไฟฟ้าอีกทั้งมอเตอร์ยังเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของสินค้าจักรยานไฟฟ้าและเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรม EV ของประเทศอย่างยั่งยืน จึงได้แสดงเจตจำนงร่วมงานกับหน่วยงานของภาครัฐและคู่ค้า เพื่อผลักดันให้สินค้าดี มีคุณภาพ ของไทยแท้ๆ เกิดขึ้นให้เป็นรูปธรรม สามารถจัดจำหน่ายแข่งขันได้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เรายังพร้อมที่จะร่วมมือกับอุตสาหกรรมต่างๆ ในระบบ Value Chain เพื่อก่อให้เกิดศักยภาพในการแข่งขันสินค้าประเภทนี้ต่อไปในอนาคตด้วย" นายวสันต์ กล่าวทิ้งท้าย