JR โชว์ฐานะการเงินสุดสตรอง! หลังเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ฯ มีสภาพคล่องกว่า 1,000 ล้านบาท บิ๊กบอส "จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ"ชี้วิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รอบนี้จะเป็นตัวตัดสินว่าผู้ประกอบการแต่ละรายสามารถส่งมอบงานตามแผนได้หรือไม่ ลั่นพร้อมร่วมประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู เฟส 2 ในช่วงปลายปี 64 หวังดัน Backlog ทะลุ 10,000 ล้านบาท หนุนผลงานในช่วง 3 ปีข้างหน้าโตก้าวกระโดด สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) (JR) เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทฯเข้าระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านการขายหุ้นไอพีโอ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ฐานะทางการเงินมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจากส่วนทุนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง ขณะเดียวกันมีสภาพคล่องที่เป็นเงินสดกว่า 1,000 ล้านบาท จะมีส่วนสำคัญทำให้สถาบันการเงินให้ความเชื่อมั่น พร้อมที่จะซัพพอร์ตในเรื่องการเงินมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2564 บริษัทฯมีแผนที่จะเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สีชมพู เฟส 2 มูลค่าโครงการคาดว่าจะใกล้เคียงเฟส 1 ซึ่งมีมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีโอกาสคว้างานดังกล่าวค่อนข้างสูง ซึ่งจะช่วยผลักดันงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ในปีนี้ทะลุ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลงานในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด พร้อมสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
"ต้องยอมรับว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบนี้ยังควบคุมไม่ได้ และควบคุมยาก สิ่งสำคัญ คือ จะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการที่เป็นผู้รับเหมาสามารถส่งงานได้ตามแผน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เรื่องของสภาพคล่อง สถานะทางการเงิน และเครดิต จะเป็นตัวพิสูจน์ ผู้ประกอบการรับเหมาจะสามารถส่งมอบงานได้ตามแผนหรือไม่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา JR ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด บริษัทเข้มงวดมากในเรื่องวินัยทางการเงิน การที่เราเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ใช่แค่ฐานทุนที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่เรายังได้เครดิตจากแบงก์ ซึ่งทำให้มีความได้เปรียบเรื่องของต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ"
นายจรัญ มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามแผนงานที่วางไว้ จาก Backlog ปัจจุบันที่มีกว่า 6,200 ล้านบาท และคาดว่าจะไม่มีการล็อคดาวน์เกิดขึ้นเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งการล็อตดาวน์ในเวลานั้นทำให้ประสบปัญหาในการเข้าทำงานที่เกี่ยวข้องกับระบบโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีชมพู อย่างไรก็ตามขณะนี้งานก็ยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้
เขากล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีการขยายงานด้านวิศวกรรมไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างฐานรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น เช่น การเข้าไปในกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ โดยเป็นงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับโครงการของบริษัทไทยออยล์ ซึ่งบริษัทฯรับงานจากกิจการร่วมค้า Petrofac South East Asia, Saipem Singapore และ Samsung Engineering ซึ่งมั่นใจว่าการขยายฐานรายได้ ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนั้นในปัจจุบันบริษัทฯ ยังได้ยื่นเรื่องขอเป็น Vender List กับ PTTGC ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของการทำ Approved Vender List คาดว่าจะได้รับการอนุมัติเร็วๆนี้
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 1,281.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.36% เทียบปี 2562 มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 846.39 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 88.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.15% เทียบปี 2562 มีกำไรสุทธิ 60.75 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ
โดยรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2563 ได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจบริการที่มีจำนวน 1,107.67 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 86.42% ต่อรายได้จากการขายและบริการ โดยรายได้จากธุรกิจรับเหมาวางระบบเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีจำนวน 540.92 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯรับรู้รายได้จากโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายลงดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง