มูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) ชวนผู้ที่มีความห่วงใยอนาคตของชาติ ร่วมสนับสนุนมอบทุนการศึกษาให้นักเรียนไทยที่ยากจน โดยในปีการศึกษาปี 2564 ที่มีกำหนดเปิดเรียนเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้มีนักเรียนที่ยากจนระดับที่ผ่านการคัดเลือกของมูลนิธิซึ่งจะปิดรับบริจาคทุน 30 มิถุนายน 2564 อีก 5,220 คน
นายสรรเพชร นิลรัตน์ กรรมการผู้จัดการมูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) เปิดเผยว่า "มูลนิธิ EDF เชื่อว่าทุนการศึกษาไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาปัญหาความขัดสนของครอบครัวนักเรียนที่ยากจน แต่ยังเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งในชีวิต และการเรียน เพื่อนำพาตนเองและครอบครัวให้หลุดพ้นจากวังวนความยากไร้ได้ในอนาคต ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 เป็นต้นมา มูลนิธิได้เปิดรับสมัครนักเรียนที่ขาดแคลนและด้อยโอกาสที่มีความประสงค์ขอรับทุนการศึกษาเพื่อเรียนต่อในปีการศึกษา 2564 จากโรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งปรากฏว่ามีนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกจากกว่า 1,500 โรงเรียนรวม 10,110 คน อย่างไรก็ตาม มูลนิธิได้เริ่มระดมทุนการศึกษาปีการศึกษา 2564 มาตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งตัวเลขล่าสุดจนถึง 5 มีนาคม 2564 เราสามารถระดมทุนการศึกษาได้แล้ว 4,890 ทุน แบ่งเป็นทุนนักเรียนยากจนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 4,559 ทุน ทุนนักเรียนยากจนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 171 ทุน ทุนนักเรียนพิการเรียนร่วมในโรงเรียนปกติ 82 ทุน ทุนนักเรียนกำพร้าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 55 ทุน และทุนระดับอุดมศึกษา 23 ทุน และมีนักเรียนที่ยังคงต้องการการสนับสนุนทุนการศึกษาเพิ่มเติมในปีนี้อีก 5,220 คน"
ด้วยฐานะยากจนและกลัวว่าพ่ออาจจะไม่สามารถส่งเรียนต่อได้ และถึงแม้ได้มีโอกาสเรียนต่อก็อาจจะต้องออกโรงเรียนกลางคันก็เป็นได้ เด็กหญิงพรไพลิน ปราบอภัย นักเรียนชั้นประถมศึกษาที่ 6 โรงเรียนบ้านโสน จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหนึ่งในนักเรียนที่รอรับทุนเพื่อศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และมีความฝันอยากเรียนจนจบปริญญาตรีและรับราชการอาชีพครูและมีรายได้เลี้ยงพ่อและน้อง พรไพลินกำพร้าแม่ตั้งแต่ยังเล็กและอาศัยอยู่กับพ่อและน้องสาว โดยพ่อมีอาชีพรับจ้างมีรายได้ไม่แน่นอนบางครั้งได้วันละ 300 บาท วันไหนที่พ่อมีรายได้พรไพลินจะได้เงินไปโรงเรียนวันละ 5 บาท ในชั้นเรียนพรไพลินชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์และวิชาภาษาไทย ชอบอ่านหนังสือและวาดภาพในยามว่าง และชอบกีฬาฟุตบอล
เด็กหญิงวรรณภา มนตรี นักเรียนชั้นประถมศึกษาที่ 6 โรงเรียนบ้านโคกตะเคียน จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่กับตายายที่ไม่มีรายได้ วรรณภาต้องการทุนการศึกษาเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และมีความฝันอยากเรียนจบแพทย์เพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้ป่วย ในชั้นเรียนวรรณภาชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์และภาษาไทย หลังเลิกเรียนหรือในวันหยุดจะช่วยตายายทำงานบ้าน หุงข้าว กวาดบ้าน ล้างจาน ซักผ้า ทำการบ้าน อ่านหนังสือและทบทวนบทเรียนและในยามว่างก็จะอ่านหนังสือและวาดรูป
"แม้ว่าบ้านหนูจะยากจน แต่บ้านหนูก็อบอุ่นมากค่ะ ตั้งแต่จำความได้พ่อแม่ไม่เคยสุขสบายเลย หนูจึงช่วยทำงานบ้านที่หนูทำได้ สอนการบ้านน้องและทำการบ้านตัวเองไปพร้อมกัน ส่วนวันหยุดหนูเลี้ยงน้องอยู่บ้าน หากมีเวลาว่างก็จะพาน้องไปเล่นกีฬาที่โรงเรียน และเวลาอยู่โรงเรียนหนูก็ตั้งใจเรียน วิชาที่หนูชอบเรียนมากที่สุดคือวิชาคอมพิวเตอร์และภาษาไทย เวลาว่างหนูชอบวาดรูปและอ่านหนังสือจะได้มีความรู้เยอะๆ หนูอยากเรียนจบปริญญา จะได้ทำงานมีเงินมาเลี้ยงพ่อแม่และน้อง หนูอยากเป็นทหาร หนูเชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น แม้ว่าในวันนี้เราจะต้องเหนื่อยยากลำบาก แต่ก็จะสู้เพื่อวันข้างหน้าที่ครอบครัวจะได้สุขสบายค่ะ" เป็นคำบอกเล่าของศศิพิมล ขาวพิมาย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดหนองนา จังหวัดนครราชสีมา ที่รอรับทุนการศึกษาเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และปัจจุบันอาศัยอยู่กับพ่อแม่และน้อง ๆ โดยพ่อทำงานก่อสร้างมีรายได้วันละ 300 บาท ขณะที่แม่ทำงานรับจ้างทั่วไปมีรายได้ไม่แน่นอนแล้วแต่จะมีใครจ้าง
องค์กรหรือผู้สนใจที่ต้องการสนับสนุนทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่โทรศัพท์ 02-579-9209 ถึง 11 หรือโอนเงินผ่านบัญชี "มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (มูลนิธิ EDF)" ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 161-4-56698-0 ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 070-2-45369-0 ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 980-7-59891-5 ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 319-2-77744-8 และธนาคารทหารไทย เลขที่บัญชี 069-2-41110-1 หลังโอนเงินบริจาคแล้วสามารถส่งเอกสารการโอนและแจ้งรายละเอียดเพื่อรับใบเสร็จรับเงินในการนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ที่อีเมล public@edfthai.org นอกจากนั้นสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานของมูลนิธิได้ที่ www.edfthai.org ทั้งนี้มูลนิธิได้มีส่วนร่วมพัฒนาคุณภาพการศึกษาในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2530 และปัจจุบันมีนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาไปแล้ว 390,473 คน (ตัวเลขปีการศึกษา 2531-2563) ครอบคลุมพื้นที่ 61 จังหวัด ใน 5,600 โรงเรียน
ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน มูลนิธิ EDF ได้รับการยอมรับจากองค์กรทั้งในและต่างประเทศ และได้รับรางวัล เช่น รางวัลยอดเยี่ยมองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทย ประเภทองค์กรขนาดใหญ่จากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ สถาบันคีนันแห่งเอเชีย และ เดอะ รีซอร์ส อัลลิอันซ์รางวัลประกาศนียบัตรองค์กรสาธารณกุศลระดับ 5 ดาว จากการดำเนินงานและบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล มีประสิทธิภาพทางการเงิน และมีความโปร่งใส จากสมาคมกิฟวิ่ง แบค รางวัลกัลปพฤกษ์ทองคำจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะหน่วยงานที่ทำความดีอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม และรางวัลคนดีต้นแบบคุณธรรมไทยจากสมาคมสหพันธ์คนพิการในประเทศไทย เป็นต้น