หลายโรครวมทั้ง "รูมาตอยด์" ทำข้อเข่าเสื่อม-เท้าผิดรูป-เดินไม่ได้!!
รพ.ลานนาจัด 2 แพทย์ชำนาญการฯ ร่วมรักษาให้กลับมาเดินได้ใหม่
อากาศหนาวเย็นจะยิ่งเพิ่มความปวดทรมาน!!
ฤดูหนาวที่ค่อนข้างจะยาวนานกว่าปีก่อน ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่อาจสร้างความสดชื่นรื่นรมย์ให้กับชาวเวียงพิงค์ไม่น้อยทีเดียว แต่สำหรับผู้ป่วยหญิงวัย 61 ปีที่มีนามว่า "คุณบัวแก้ว มากเปี่ยม" ซึ่งเจอหลายโรครุมเร้าจนต้องเข้า ๆ ออก ๆ ที่ "โรงพยาบาลลานนา" เพื่อไปรับการรักษาโรคประจำตัวที่มีทั้ง...ความดันโลหิตสูง...กล้ามเนื้ออ่อนแรง...โรคภูมิแพ้ตัวเองหรือ SLE...รวมทั้ง "โรครูมาตอยด์" จนต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานเรื่อยมาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี โดยได้เผยกับทีมงาน "อุ่นใจ...ใกล้หมอ" ว่า
"...อาการที่เจอมาแล้วก็คือปวดตามข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า และข้อเข่าซึ่งจะปวดมากในช่วงที่อากาศหนาวเย็น...ต่อมาก็ได้เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติของกระดูกตัวเองเริ่มตั้งแต่ข้อเข่าเริ่มเสื่อมถอยจนเห็นชัดว่าเข่าเริ่มโก่งผิดรูป...ข้อเท้าก็เริ่มเอียงผิดปกติจนดิฉันก้าวเดินลงน้ำหนักเท้าไม่ได้...อีกทั้งข้อมือ ข้อนิ้วเท้าก็เอียงผิดรูปตามมาทำให้อาการหนักจนเดินแทบไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นในการดำรงชีวิตประจำวัน...บอกได้ว่าชีวิตตอนนั้นหมดความสุข ท้อแท้ ด้วยความที่กังวลว่าจะต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต..."
ได้ทราบคำบอกเล่าจากปากของผู้ป่วยรายนี้แล้ว "หมอจอแก้ว" เชื่อว่าท่านผู้อ่านจะเกิดความรู้สึกเห็นใจและสงสาร "คุณบัวแก้ว" ไม่น้อยทีเดียว...เพราะฉะนั้นจึงต้องขอพาไปติดตามกันต่อไปว่า "โรงพยาบาลลานนา" ได้ดูแลรักษากรณีของผู้ป่วยหญิงท่านนี้อย่างไรและมีผลคืบหน้าประการใด...
ความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางถือเป็น... "เรื่องจำเป็น"!!
หลังจากที่ "นพ.ปรัชวาล เอี่ยมพร...แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ เชี่ยวชาญพิเศษด้านข้อเท้า" ประจำ "ศูนย์โรคปวดเข่า...โรงพยาบาลลานนา" ได้ตรวจวินิจฉัยและทราบแน่ชัดถึงอาการป่วยของ "คุณบัวแก้ว" ว่ามีโรคประจำตัวหลายโรครวมทั้งโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ร่วมกับโรคพุ่มพวง ซึ่งเป็น 2 กลุ่มโรคที่จะส่งผลให้ข้อทั่วร่างกายเกิดการอักเสบได้ทั้งข้อเล็ก-ข้อใหญ่ ซึ่งหากปล่อยไว้นานเกินไปแล้วข้อเหล่านี้จะถูกทำลายจนผุกร่อนและเสียสมดุลของกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อที่ว่านี้ได้...อีกทั้งโรคที่ผู้ป่วยเผชิญอยู่ทั้งหมด จำเป็นจะต้องได้รับยามากินประจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากกินยาต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อกระดูกได้ในที่สุด...และจากผลการตรวจร่างกายยังพบด้วยว่าผู้ป่วยมีภาวะความเสื่อมของกระดูกหัวเข่าทั้งสองข้าง ที่ทำให้กระดูกข้อเท้าผิดรูปจนไม่สามารถเดินเองได้และต้องนั่งรถเข็นมาเป็นปีแล้ว
นอกจากนี้ผู้ป่วยยังได้รับการตรวจประเมินอาการอื่น ๆ จาก "แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ ศูนย์โรคปวดเข่า" ประจำ "โรงพยาบาลลานนา" อีกท่านหนึ่ง คือ "นพ.ภาสกร อุปโยคิน" ซึ่งระบุถึงภาวะอาการที่มีตั้งแต่ข้อมือ-ข้อเท้า และข้อเข่าได้เสื่อมสภาพจนทำให้ข้อเข่าผิดรูปทั้ง 2 ข้าง จึงได้แนะแนวทางการรักษาโดยเริ่มจากทำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าด้านขวามาใช้ข้อเข่าเทียมเป็นอันดับแรก ซึ่ง "คุณหมอภาสกร" ได้อธิบายว่า
"...การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมจะต้องผ่าตัดเอาผิวข้อที่เสื่อมสภาพออกให้หมดก่อนใส่ผิวข้อใหม่ที่ทำจากวัสดุพิเศษทางการแพทย์ที่มีความแข็งแรงทนทาน โดยไม่เพียงแค่นำกระดูกที่เสื่อมออกเพียงอย่างเดียวหากแต่ยังต้องปรับความตึงหรือหย่อนของเนื้อเยื่อรอบข้อเข่าเพื่อให้ขากลับเข้ารูปปกติโดยไม่โก่งผิดรูป ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญมากเพราะตำแหน่งของข้อเข่าที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ดี ความชำนาญของแพทย์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เกิดผลดีต่อการรักษาครับ..."
2 คุณหมอร่วมรักษาผู้ป่วยด้วย "การผ่าตัด"
แต่ด้วยเหตุที่ข้อเข่าของ "คุณบัวแก้ว" ได้เสื่อมสภาพมาเป็นเวลานาน จึงส่งผลให้ข้อเท้าข้างขวาเกิดการผิดรูป ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ป่วยเดินได้ไม่สะดวกแล้ว ลักษณะการเดินยังเป็นแบบตะแคงจึงเกิดความเจ็บปวดเวลาเดิน จึงจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดข้อเท้า เพื่อปรับรูปทรงให้สามารถเดินได้เหมือนปกติ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการผ่าตัดปรับรูปทรงข้อเท้าจำเป็นต้องอาศัยความพร้อมในด้านต่างๆ รวมถึงความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางด้านข้อเท้าเท่านั้น เนื่องจากลักษณะของข้อเท้าและเท้ามีความซับซ้อน จึงต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเช่นเดียวกับกรณีการผ่าตัดเปลี่ยนใส่ข้อเข่าเทียมนั่นเอง ซึ่ง "คุณหมอปรัชวาล" เป็นแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแก้ไขข้อเท้าให้ผู้ป่วย ต่อเนื่องจากที่ได้เข้ารับการผ่าตัดข้อเข่าเมื่อปีที่แล้ว...จากนั้นอีกไม่ถึง 1 ปี "คุณหมอภาสกร" จึงได้นัดผู้ป่วยให้มาเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมด้านซ้ายอีกข้าง เพื่อให้หัวเข่ารองรับน้ำหนักตัวได้อย่างมั่นคง และสามารถกลับมาเดินได้ด้วยตัวเองต่อไป ซึ่งหลังจากการผ่าตัดได้ประมาณ 4 เดือนก็ปรากฏว่า "คุณบัวแก้ว" สามารถกลับมาเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้รถเข็นอีกแล้ว และได้เผยความรู้สึกหลังการรักษาว่า
"...ตอนนี้ดิฉันสามารถเดินได้เองแล้ว ไม่ต้องใช้รถเข็นเหมือนในอดีต โชคดีมากที่ปัจจุบันนี้ มีคุณหมอที่มีความสามารถรักษาแก้ไขอาการได้แม้ตอนแรกดูเหมือนว่าจะยากหรือเป็นไม่ได้ ทำให้ดิฉันเหมือนได้ชีวิตใหม่โดยไม่ต้องเป็นภาระของลูกหลานหรือสามีที่ต้องดูแลเราตลอด ต้องขอขอบคุณคุณหมอทั้งสองท่านมาก ๆ ที่ช่วยรักษาดิฉันให้กลับมาเดินได้อีกครั้งหนึ่งค่ะ"
ไม่เฉพาะตัวผู้ป่วยเท่านั้นทีจะดีอกดีใจที่ได้เห็น "คุณบัวแก้ว" กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขโดยสามารถเดินเหินด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่ง "รถเข็น" เหมือนหลายปีที่ผ่านมา... "หมอจอแก้ว" ต้องขอแสดงความยินดีกับสมาชิกในครอบครัวนี้ด้วยครับ...อีกทั้งยังขอแนะนำมายังผู้ป่วยอีกหลายรายที่มีลักษณะภาวะอาการป่วยคล้ายคลึงกันนี้ให้รีบไปพึ่งพาปรึกษาหมอโดยไม่ยอมทนทรมานอีกต่อไป เพราะยิ่งวัยมากขึ้นแล้วกระดูกก็ยิ่งจะ "เสื่อมสภาพเพิ่ม" ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...แต่สิ่งที่จะ "ลด" นั้น มีอย่างเดียวคือ... "โอกาสในการรักษาให้หายเป็นปกติ" นั่นเองครับ