ธนาคารทิสโก้ชี้เป้า 3 กองทุนนวัตกรรมการแพทย์จาก 2 บลจ.ชั้นนำ พาลงทุนในนวัตกรรมการแพทย์ของจีน ธุรกิจไบโอเทค และดิจิตอลเฮลธ์แคร์ ชี้โอกาสเติบโตสูงกว่าเฮลธ์แคร์แบบดั้งเดิม แถม โจ ไบเดน เดินหน้าหาทางยุติโรคมะเร็ง ขณะที่เคธี วูด หนุนลงทุนในไบโอเทค
นางวรสินี เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน และสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ (Mrs.Vorasinee Sethabutr, Head Of Wealth Product Development and Marketing Communication, TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า "นวัตกรรมการแพทย์" กำลังเป็นธุรกิจที่ทั่วโลกจับตามอง หลังนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างเยี่ยมชมบริษัท Pfizer ว่า "เมื่อเอาชนะโควิดได้แล้ว เราจะทำทุกอย่างเพื่อยุติมะเร็ง" ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์อย่าง "ไบโอเทคโนโลยี" จะได้รับประโยชน์อย่างยิ่งจากนโยบายนี้จากการคิดค้นนวัตกรรมและผลิตยารักษามะเร็ง
และในเวลาใกล้เคียงกัน นางเคธี วูด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ARK Investment Management ได้กล่าวสนับสนุนให้นักลงทุนกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจ "ไบโอเทคฯ" เพราะเป็นธุรกิจแห่งอนาคต ประเด็นนี้ยิ่งช่วยตอกย้ำความน่าสนใจการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น ธนาคารทิสโก้มองว่าหากพิจารณาในแง่ผลตอบแทนจากการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์ ซึ่งรวม 3 ธุรกิจไว้ด้วยกันคือ 1. ไบโอเทคโนโลยีการแพทย์ 2. ดิจิตอลเฮลธ์แคร์ และ 3. Medtech พบว่ามีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการแพทย์แบบดั้งเดิม (Conventional Healthcare) อย่างมาก
โดยในช่วงระหว่างปี 2560-2564 กองทุนที่เป็นตัวแทนกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์อย่างกองทุน SPDR S&P Biotech ETF ปรับขึ้นมา 232.17% และกองทุน SPDR S&P Healthcare Equipment ETF ปรับขึ้นมา 213.14% ขณะเดียวกันกองทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการแพทย์ดั้งเดิมอย่างกองทุน Health Care Select Sector SPDR Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่สะท้อนภาพรวมธุรกิจเฮลธ์แคร์เติบโต 78.62% และกองทุน SPDR S&P Pharmaceutical ETF ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มบริษัทผลิตยาเติบโต 27.97% (ที่มา:Yahoo Finance ณ วันที่ 3 ก.พ. 64) ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
"ที่ผ่านมาธนาคารทิสโก้ได้แนะนำให้ลูกค้าสับเปลี่ยนการลงทุนจากกองทุนเฮลธ์แคร์แบบดั้งเดิมที่ลงทุนอยู่ มาลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์ เพราะมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า และในอนาคตก็มีโอกาสเติบโตอีกมาก เห็นได้จากยอดขายยาที่ผลิตจากนวัตกรรมไบโอเทคเริ่มแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดยาโลกเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจาก Evaluate Pharma คาดว่าในปี 2565 ยาที่มาจากนวัตกรรมไบโอเทคจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 32% เพิ่มขึ้น 90% จากปี 2555 ที่มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 20% ขณะที่มูลค่าตลาดของธุรกิจดิจิตอลเฮลธ์แคร์ซึ่งเป็นการผสานกันระหว่าง "Digital และ Medtech" นั้น มีแนวโน้มที่จะสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว โดย Global Market Insights คาดว่าในปี 2569 มูลค่าตลาดของธุรกิจดิจิตอลเฮลธ์แคร์จะเพิ่มไปอยู่ที่ 639,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือสามารถเติบโตได้กว่า 28.5% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่อยู่ในระดับ 106,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ" นางวรสินีกล่าว
สำหรับกองทุน "นวัตกรรมการแพทย์" ที่ธนาคารทิสโก้แนะนำให้ลูกค้าเข้าไปลงทุนมีทั้งสิ้น 3 กองทุน คือ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ให้ความสนใจ "ประเทศจีน" เป็นอันดับต้นๆ เพราะธุรกิจนวัตกรรมการแพทย์ของจีน มีการเติบโตที่โดดเด่นอย่างมาก โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์จีนมีอัตราการเติบโตสูงกว่า 10% ขณะที่สหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 3%* อีกทั้ง ปัจจุบันทางประเทศจีนยังได้ทุ่มงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ยาอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้มีการอนุมัติตัวยาใหม่ๆ ต่อเนื่อง กระทั่งล่าสุดในปี 2562 ได้มีการอนุมัติตัวยาแซงหน้าสหรัฐฯ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม กองทุนเปิด UCHI TBIOTECH และ TGHDIGI ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก และอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน ติดต่อสอบถามรายละเอียด หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 2 กด 4