บมจ. เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องปรับอากาศรถยนต์ทดแทน พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ 22 มี.ค. นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "PACO" ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IP0 1,400 ล้านบาท
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "PACO" ในวันที่ 22 มีนาคม 2564
PACO ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องปรับอากาศรถยนต์ทดแทนในตลาดชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทนให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้ตราสินค้า "PACO" โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ คอยล์ร้อน (condenser) และคอยล์เย็น (evaporator) ปัจจุบันมีสินค้ามากกว่า 2,600 รุ่น ครอบคลุมหลากหลายแบรนด์ของยานยนต์ทุกประเภท ทั้งนี้ ในปี 2563 มีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ 46.6% และต่างประเทศ 53.4% โดยการส่งออกผลิตภัณฑ์ครอบคลุมถึงทวีปเอเชีย อเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ และออสเตรเลีย
PACO มีทุนชำระแล้ว 500 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 740 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 260 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) โดยแบ่งเป็นเสนอขายต่อประชาชน จำนวนไม่เกิน 195 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 39 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษํทฯ จำนวนไม่เกิน 26 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 10 - 12 มีนาคม 2564 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.40 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 364 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,400 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 18.42 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2563) ซึ่งเท่ากับ 76.86 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.076 บาท มีบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ (PACO) เปิดเผยว่า PACO มุ่งเน้นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและยกระดับมาตรฐานกระบวนการผลิตให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำหุ่นยนต์ และเครื่องจักรแบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้อยู่ระดับมาตรฐานสากลและหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไป ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินไปลงทุนในโครงการก่อสร้างคลังสินค้า ย้ายจุดกระจายสินค้าในประเทศ จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้า ขยายตลาดในประเทศมาเลเซีย และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ทั้งนี้ PACO มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลักหลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวเลิศขจรกิตติ ถือหุ้น 74% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และจัดสรรสำรองต่างๆทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ
รายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.paco.co.th และ www.set.or.th