ทีเอซี เบฟเวอร์เรจ เปิดตลาดชาเขียว Zenya รสทับทิม หลังรุกชานมนาน 2 ปี อาศัยจุดแข็งใช้ช่องทาง 7-11 วางสินค้า มั่นใจสิ้นปีมียอดขาย 150 ล้านบาท

ข่าวทั่วไป Wednesday July 27, 2005 15:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--ทีเอซี เบฟเวอร์เรจ
ทีเอซี เบฟเวอร์เรจ แหวกตลาดชาเขียวแบบเดิมๆหลังซุ่มทำตลาดชานม ชาเขียวนม ในเซเว่น อีเลฟเว่น มานานกว่า 2 ปี ทำวิจัยและพัฒนาจนได้ชาเขียวน้องใหม่ แบรนด์เชนย่า (Zenya) 2 รสชาติ สีแดงรสทับทิมรายแรกของไทย พร้อมสูตรต้นตำรับ หวังเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่หวั่นคู่แข่งที่ล้นตลาด เชื่อตลาดชาเขียวยังเติบโต เตรียมอัดงบ 50 ล้านบาททำตลาดทั่วประเทศ โดยหวังยอดขายถึงสิ้นปี 150 ล้าน พร้อมตั้งเป้าปี 49 ยอดขายเพิ่มเป็น 500 ล้านบาท
นายธีระวัฒน์ เลาหพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทีเอซี เบฟเวอร์เรจ จำกัด ผู้จำหน่ายชานม ชาเขียวนมแบบโถ (Jet Spray) แบรนด์เชนย่า (Zenya) ในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เปิดเผยถึงแผนการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชาเขียวในขวดพร้อมดื่มแบรนด์ Zenya ว่า บริษัทฯได้วางจำหน่ายชาเขียว Zenya แล้วตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมี 2 รสชาติคือ รสทับทิมและรสต้นตำรับ ขนาดขวดบรรจุ 500 มิลลิลิตร ราคาจำหน่ายขวดละ 20 บาท ซึ่งมีจุดเด่นที่ความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ทั้งรสชาติ สีสัน และบรรจุภัณฑ์ เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ตามกระแส โดยจะมองที่กลุ่มนักศึกษา และคนทำงาน
ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นบริษัทฯ ได้วางจำหน่ายสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นกว่า 3,000 สาขา เป็นระยะเวลา 3 เดือน เนื่องจากเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้านชาและเครื่องดื่มในโถกดมา 2 ปี โดยในช่วงเดือนแรกของการวางตลาดได้ปรับลดราคาลงมาขวดละ 15 บาท เพื่อชักจูงให้ลูกค้าทดลอง หลังจากนั้นจะกระจายไปตาม Modern Trade และร้านค้าปลีกโดยบริษัทฯเป็นผู้ดำเนินการจัดจำหน่ายสินค้าเอง
นายธีระวัฒน์ กล่าวถึงจุดขายของ Zenya ว่า อยู่ที่ความแตกต่างทั้งตัว Brand สินค้า และ บรรจุภัณฑ์ ซึ่งสีสันสลากมีความโดดเด่นที่ดูเป็นธรรมชาติ และมี Neck Tag ที่คอขวดเพื่อสื่อถึงความละเมียดละไมของตัวสินค้า ส่วนน้ำชาเขียวรสทับทิมจะมีสีแดงสด เนื่องจากวัตถุดิบคือน้ำทับทิมเข้มข้นที่นำเข้าจากประเทศไต้หวัน ซึ่งมีคุณค่าทางอาหารโดยมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และกำลัง เป็นกระแสนิยมที่แรงมากในประเทศญี่ปุ่น ส่วนรสต้นตำรับจะเป็นรสชาติและกลิ่นชาเขียวแท้ๆ ไม่มีส่วนผสมของกลิ่นอื่นใดลงไปเหมือนชาเขียวในตลาดปัจจุบัน โดยบริษัทฯ ใช้เวลาวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเกือบ 2 ปี มีบริษัท ฟู้ด แอนด์ ดริ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิต
“บริษัทฯ เตรียมงบประมาณ 50 ล้านบาทต่อปี ในการทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยเน้นไปที่ Life style ผ่าน Above the line และ Below the line อาทิ การทำโฆษณาทางโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ Bus side และสถานีรถไฟฟ้า BTS การจัด Event Marketing ตามอาคารสำนักงาน และการ Roadshow ไปตามมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยคาดว่าจะมียอดขายถึงสิ้นปี 48 ประมาณ 150 ล้านบาท” นายธีระวัฒน์กล่าว
สำหรับแนวโน้มของตลาดชาเขียวช่วงครึ่งปีหลังของปี 48 นั้น นายธีระวัฒน์ มองว่ายังคงมีอัตราเติบโตอยู่แต่จะไม่หวือหวาเหมือนครึ่งปีแรกที่มีแคมเปญฝาล้าน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯเชื่อว่าตลาดชาเขียวเป็นตลาดที่อยู่ได้ด้วยตัวเองแล้วในด้านการรับรู้และยอมรับจากผู้บริโภค การเกิดใหม่ของชาเขียวจึงเป็นเรื่องของรสชาติที่ต่างไปจากเดิมเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น
“บริษัทฯ เองก็มีนโยบายด้านการวิจัยพัฒนาชาเขียวรสชาติใหม่ๆที่ไม่มีในตลาดออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์และตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงจะไม่นำกลยุทธ์ด้าน Price War มาเป็นตัวกระตุ้นสินค้าเนื่องจากมองว่าลูกค้ามีความสามารถจ่ายได้เมื่อเทียบกับคุณค่าที่ได้รับ โดยบริษัทฯวางตำแหน่งเป็นสินค้า Premium และจะใช้กลยุทธ์การสร้างแบรนด์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากกว่า โดยในปี 49 บริษัทฯตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาท” นายธีระวัฒน์กล่าวในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ
ลัคคณา ขวัญงาม , สุจิรา วิโรจนะ
โทร. 02-953-8633, 02-954-2863
หรือ 01-822-2363 , 01-629-1821
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ