ที่ประชุมผู้ถือหุ้น NDR มีมติอนุมติจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท กำหนดจ่าย 30 เม.ย.นี้ พร้อมไฟเขียวเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป 31.5 ล้านหุ้น เสนอขาย PP เตรียมรองรับโอกาสการลงทุนในอนาคต สร้างความยั่งยืนต่อไป
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR กล่าวว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลจากกำไรสะสมของผลประกอบการปี 2563 เพื่อจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวมจ่ายปันผลเป็นจำนวน 15,769,575.70 บาท โดยกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2564
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีมติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 72,078,764 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 387,470,188 บาท เป็นทุนจดทะเบียน จำนวน 315,391,514 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่าย จำนวน 72,078,674 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท
พร้อมมีมติอนุมัติเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จากทุนจดทะเบียนเดิม 315,391,514 บาท เป็นทุนจดทะเบียน จำนวน 346,891,514 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 31,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
กรรมการผู้จัดการ NDR กล่าวเสริมว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความรวดเร็วในการระดมทุน ทำให้บริษัทฯ มีแหล่งเงินทุนที่มีความพร้อมสำหรับการลงทุนหรือการขยายธุรกิจในอนาคต อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ ตลอดจนช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% พร้อมวางเป้าเป็นบริษัทฯ ระดับภูมิภาค โดยมีแผนขยายสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น ได้แก่ ประเทศอินโดนิเซีย และประเทศเวียดนาม จากปัจจุบันบริษัทฯ เข้าสู่ตลาดประเทศเมียนมา ประเทศกัมพูชา ประเทศลาว ประเทศมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นระบบออโตเมชั่น (Automation) ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถลดต้นทุนลงได้
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมองหาโอกาสขยายไปยังธุรกิจอื่นเพิ่มเติม เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯให้ความสนใจในธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์เป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจหลักที่บริษัทฯมีความชำนาญและสามารถที่จะนำไปต่อยอดธุรกิจได้ หรือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯได้อย่างมั่นคง รวมถึง ธุรกิจอนาคตที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ (New S-Curve)