CHAYO เผย ความเชื่อมั่นจากผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W1 มาใช้สิทธิแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิ บริษัทได้รับเงินจากการแปลง CHAYO-W1 จำนวน 556.62 ล้านบาท เสริมฐานทุนในการขยายธุรกิจปีนี้มั่นใจเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% และเตรียมต่อยอดธุรกิจบริหารสินทรัพย์หาเงินลงทุนเพิ่ม ดึงนักลงทุนร่วมถือหุ้นใน Chayo JV สัดส่วน 45% ตอกย้ำการเติบโตในธุรกิจบริหารสินทรัพย์อย่างมั่นคงและแข็งแรง
ด้านนายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 มีผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W1 มาใช้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญจำนวน 85.64 ล้านหน่วย โดย CHAYO ได้รับเงินจากการแปลง CHAYO-W1 จำนวน 556.62 ล้านบาท เสริมฐานทุนให้บริษัทแข็งแกร่ง ตอกย้ำความเชื่อมั่นในแผนการเติบโตในปีนี้ที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 25%
ต่อมา เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 แผนการหาเงินเพิ่มเติมเพื่อมาต่อยอดการเติบโตของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ผ่านการจัดตั้งบริษัท ชโย เจวี จำกัด ได้สำเร็จลุล่วงไปอีกก้าวหนึ่ง Chayo JV ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว และได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท บริหารสินทรัพย์ ชโย จำกัด เรียบร้อยแล้ว พร้อมประกาศเพิ่มทุนในบริษัท Chayo JV อีกจำนวน 1,745 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 55 ล้านบาท โดย CHAYO จะเข้าถือ Chayo JV ประมาณร้อยละ 55 จากเดิมถืออยู่ร้อยละ 99.99 (ทั้งนี้ เงินลงทุนที่ใช้ในครั้งนี้ประมาณร้อยละ 80 - 90 บริษัทมีแผนที่จะออกตราสารหนี้ และ/หรือเงินกู้ยืมเพื่อมาลงทุน) พร้อมดึงนักลงทุนรายใหญ่ไม่เกิน 9 ราย ถือหุ้น 45% โดยนักลงทุนต้องใส่เงินประมาณ 810 ล้านบาท หากสำเร็จ CHAYO จะมีเงินอีก 1,800 ล้านบาท ในการลงทุนเพิ่มในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ เพิ่มเติมจากแผนที่บริษัท บริหารสินทรัพย์ ชโย จำกัด (CHAYO ถือ 100%) วางไว้ในการซื้อหนี้มาบริหารปีนี้อีก 10,000 ล้านบาท โดยมีงบลงทุนไว้ที่ 1,000 - 1,200 ล้านบาท
โดยหากแผนการเสนอขายหุ้น 45% ใน Chayo JV ให้กับนักลงทุนสำเร็จ จะทำให้บริษัทมีฐานทุนเพิ่มอีกประมาณ 1,367 ล้านบาท (มาจากการแปลง CHAYO-W1 557 ล้านบาท และมาจากนักลงทุน 810 ล้านบาท) โดยจะเป็นการตอกย้ำถึงความมั่นใจในแผนการเติบโตของรายได้บริษัทในปีนี้ (ที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 25%) และในปีต่อ ๆ ไป ทั้งนี้ การมีฐานทุนเพิ่มอีก 1,367 ล้านบาท จะส่งเสริมศักยภาพในการเติบโต และ/หรือศักยภาพใน Leverage หรือกู้ยืมเงินของบริษัทได้อีกมาก และจะทำให้ D/E Ratio ของบริษัทต่ำลง โดย D/E Ratio ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ที่ 1.38 (Interest Bearing Debt)
นายสุขสันต์ กล่าวอีกว่า "ปัจจุบันเราได้มีการพูดคุยกับนักลงทุนจำนวนไม่เกิน 9 ราย โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจในการร่วมทุนอย่างมาก โดยเราจะพยายามหานักลงทุนที่จะมาช่วยต่อยอดธุรกิจของเราเป็นหลัก และเราคาดหวังเป็นอย่างมากที่เราจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจและการเติบโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญและมั่นคง"
ทั้งนี้ CHAYO ดำเนินธุรกิจหลักคือ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน โดย ณ สิ้นปี 2563 CHAYO มีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรวมอยู่ที่ 65,397 ล้านบาท มีสัดส่วนหนี้ที่ไม่มีหลักประกันราว 75% และหนี้ที่มีหลักประกันราว 25% ของพอร์ตบริหารหนี้รวม ตั้งเป้าหมายปี 2564 ขยายการลงทุนรองรับการซื้อหนี้เสีย หนุนเป้าหมายรายได้รวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน