ผู้ถือหุ้น MTC ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลงวดปี 63 ในอัตรา 0.37 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เม.ย. เตรียมรับเงินเข้ากระเป๋า 17 พ.ค.นี้ บิ๊กบอส "ชูชาติ เพ็ชรอำไพ"แย้มผลงานไตรมาส 1/64 โตแกร่ง ยอดปล่อยสินเชื่อเติบโตได้ดี หลังเดินหน้าขยายสาขาตามแผน พร้อมลุยขยายตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่อย่างต่อเนื่อง รองรับความต้องการของลูกค้า
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.37 บาท จำนวน 2,120,000,000 หุ้น รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 784,400,000 บาท คิดเป็น 15.01% ของกำไรสุทธิ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 เม.ย.64 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พ.ค. 64
"แม้ในปีที่ผ่านมาจะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) หลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ รวมถึง MTC เอง แต่ด้วยการวางแผนรับมือและประสบการณ์ของทีมผู้บริหารทำให้บริษัทผ่านมาได้ โดยไม่กระทบกับการดำเนินงานแต่อย่างใด เหตุจากการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการดูแลคุณภาพสินเชื่อที่รัดกุม เพื่อป้องกันความเสี่ยงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)"
โดยผลการดำเนินงานปี 63 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 5,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.06% เทียบปี 62 มีกำไรสุทธิ 4,237 ล้านบาท โดยพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 70,607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เทียบกับปี 2562 อยู่ที่ 60,253 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.06% เทียบพอร์ตสินเชื่อรวม
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 คาดว่าจะสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/63 และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ที่เติบโต จากการที่บริษัทฯ เดินหน้าขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึง ณ สิ้นเดือนมีนาคม มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเป็นจำนวน 121 แห่ง ส่งผลให้ปัจจุบัน MTC มีสาขา 5,005 แห่ง กระจายทั่วประเทศ
ประธานกรรมการบริหาร MTC กล่าวอีกว่า ในปี 2564 บริษัทฯได้วางงบลงทุนสำหรับการขยายสาขาไว้ที่ 300 ล้านบาท รองรับแผนเปิดเพิ่มอีก 600 สาขา ซึ่งคาดว่าจะครบ 5,500 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับกลุ่มคนที่มีความต้องการสินเชื่อ แต่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสินเชื่อของระบบสถาบันการเงิน รวมถึงกลุ่มคนที่ยังพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบ ผลักดันให้พอร์ตสินเชื่อเติบโต 20-25% อีกทั้งในปีนี้บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาขอรับบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ บางส่วนต้องการที่จะซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ จากฐานลูกค้าที่มีกว่า 2 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นจุดแข็ง และช่วยลดความเสี่ยงในการปล่อยกู้ โดยปีนี้บริษัทฯวางเป้าคุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 2% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.06%