พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พร้อมรับมือดูแลลูกบ้านในโครงการที่พักอาศัยกว่า 80,000 ครัวเรือน คุมเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 ระลอกล่าสุด ยกระดับการดูแลอำนวยความสะดวกลูกบ้านที่ต้องกักตัวในโครงการและควบคุมการแพร่ระบาด ตั้งการ์ดสูงป้องกันความเสี่ยง เปิด War Room ทีมสนับสนุนจากส่วนกลางและทีมนิติบุคคลในโครงการ รายงานสถานการณ์วันต่อวันเพื่อวางแผนเตรียมรับมือ พร้อมอัพเดตให้ข้อมูลลูกบ้านและประสานเรื่องการส่งตัวรักษาทั้งกับสถานพยาบาลและ Hospitel ร่วมเป็นฟันเฟืองในโครงการที่อยู่อาศัย ช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคสู่ภายนอก พร้อมดูแลลูกบ้านในครอบครัวพลัสฯ ฝ่าวิกฤตโควิดระลอกล่าสุดไปด้วยกันอย่างปลอดภัย
นางสาวนฤมล อาภรณ์ธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า พลัสฯ ในบทบาททีมจัดการนิติบุคคลในโครงการที่พักอาศัย ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย พลัสฯ ได้ออกมาตรการดูแลป้องกันโควิด-19 ในโครงการ ทั้งมาตรการด้านการคัดกรองผู้เข้าออกในโครงการ มาตรการด้านการทำความสะอาดทั้งการเช็ดฆ่าเชื้อบริเวณจุดสัมผัสร่วม ตลอดจนการทำความสะอาดฆ่าเชื้อพัสดุก่อนที่จะส่งมอบให้ผู้รับที่อยู่ในโครงการ รวมถึงมีการแยกขยะติดเชื้อ เช่น หน้ากากอนามัย และกำหนดมาตรการในการดูแลอำนวยความสะดวก การแจ้งข่าวสาร ให้ลูกบ้านได้รับทราบความเคลื่อนไหวของมาตรการต่างๆตลอดเวลา มีการเตรียมหมายเลขติดต่อประสานงานกับสถานพยาบาลที่ใกล้โครงการ กรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือลูกบ้านต้องการความช่วยเหลือก็มีมาตรการด้านการประสานส่งตัวผู้ติดเชื้อ และยังมีการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อลูกบ้านในช่วงการ Work from Home ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการที่ได้มาตรฐาน
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับโควิดระลอกล่าสุดนี้ (ระลอกเดือนเมษายน 2564) มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยจำนวนมากและกระจายเป็นวงกว้าง ทำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงต้องกักตัวในที่พักอาศัยเพื่อเฝ้าสังเกตอาการมีจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที จึงมีความจำเป็นต้องพักในโครงการชั่วคราวเพื่อรอการเข้ารับการรักษา ดังนั้นพลัสฯ จึงยกระดับการดูแลป้องกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ โดยได้เพิ่มความเข้มข้นเรื่องมาตรการดูแลลูกบ้านที่อยู่ในช่วงกักตัว เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัยของผู้พักอาศัยในโครงการ ด้วยการดูแลทั้งหมด 3 ขั้น ได้แก่ 1.ควบคุมความเสี่ยงและจำกัดการแพร่ระบาด โดยจำกัดพื้นที่ให้ผู้มีความเสี่ยงอยู่แต่ในห้องเท่านั้น ซึ่งทีมนิติบุคคลจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการใช้บริการลิฟต์ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุม และผู้มีความเสี่ยงต้องทำแบบประเมินของกรมควบคุมโรค และส่งข้อมูลให้ทางเจ้าหน้าที่ทุกวัน เช่น การวัดไข้และสำรวจอาการ 2.ดูแลอำนวยความสะดวกช่วงกักตัว โดยทีมนิติบุคคลจะช่วยดูแลนัดหมายเรื่องการส่งอาหาร น้ำดื่ม หรือของใช้จำเป็น ในบริเวณหน้าห้องพัก และหลังการรับส่ง จะมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบริเวณชั้นนั้นๆ และ 3.การส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาตัว จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางลิฟท์ขนของเท่านั้น ทีมดำเนินการทั้งหมดจะสวมชุดป้องกัน และมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อทันทีเพื่อเปิดพื้นที่ให้ใช้งานได้ตามปกติ
โดยในตลอดช่วงของการกักตัวนี้ ทีมนิติบุคคลจะเป็นผู้โทรหรือติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่น ในการเฝ้าติดตามอาการและผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ของลูกบ้าน เพื่อการดูแลจัดการที่เหมาะสม และมีการเตรียมข้อมูลและประสานงานเรื่องสถานพยาบาล และ Hospitel เพื่อคอยให้คำแนะนำแก่ลูกบ้าน นอกจากนี้พลัสฯ ยังได้มีการตั้ง War Room ระหว่างทีมสนับสนุนจากส่วนกลางร่วมกับทีมนิติบุคคลในทุกๆ โครงการ เพื่อรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุด เพื่อเตรียมความพร้อมในการปรับแผนการรับมือและออกมาตรการให้รัดกุมและเหมาะสมยิ่งขึ้น
"ทีมนิติบุคคลในโครงการที่พักอาศัย ถือเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดในโครงการคอนโดและหมู่บ้านจัดสรร เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคไม่ให้ออกไปสู่สังคมเป็นวงกว้างได้เช่นกัน โดยโควิด-19 ระลอกล่าสุดนี้แม้เรายังไม่อาจคาดการณ์สถานการณ์ได้อย่างแน่ชัด แต่ในส่วนของพลัสฯ พร้อมตั้งการ์ดสูง ยกระดับการป้องกัน และเน้นย้ำมาตรการป้องกันโควิด-19 ในโครงการให้มีการดำเนินการอย่างเข้มข้น รวมถึงอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านที่ต้องกักตัวเพื่อเฝ้าติดตามอาการหรือยังต้องรอเตียงจากโรงพยาบาล เพื่อลูกบ้านกว่า 80,000 ครัวเรือนที่เราดูแล ให้ฝ่าสถานการณ์นี้ไปร่วมกันได้อย่างปลอดภัย และอยู่อาศัยอย่างมีความสุข" นางสาวนฤมลกล่าว