การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนไทยกลับมาตื่นกลัวพร้อมตื่นตัวกับการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ การเว้นระยะห่างทางสังคม การรักษาความสะอาด รวมทั้งมาตรการด้านสุขอนามัยต่างๆ ได้ถูกนำมาใช้อย่างจริงจังอีกครั้ง อะไรที่ดีมีประสิทธิภาพย่อมสรรหามาใช้ช่วยเสริมเพื่อความปลอดภัย เพราะเราทุกคนต่างไม่รู้ว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปอีกนานแค่ไหน แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่าอะไรดีจริง? อะไรที่ใช้ได้ผลจริง?
"ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) 0.5 %" ได้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็น ฮีโร่ใช้ในการทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ้างอิงจากการที่องค์การอนามัยโลก (WHO) และ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้แนะนำให้ใช้สารเพียง 3 ชนิดเท่านั้น ที่สามารถทำลายเชื้อโคโรนาไวรัสได้ภายในระยะเวลา 1 นาที ได้แก่ 1)ผลิตภัณฑ์ที่มีคลอรีนเป็นส่วนประกอบ (เช่น ไฮโปคลอไรต์) 0.1% (1000 ppm) 2)เอธานอล 70-90% และ 3)ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ? 0.5%[i] นอกจากนี้ ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ยังได้รับการรับรองจากเว็บไซต์รัฐบาลไทยว่า ควรใช้ในความเข้มข้น 0.5% จะสามารถทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้[ii]
ซึ่งโดยปกติแล้วโคโรนาไวรัสสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน 2 ชั่วโมง ถึง 9 วัน จึงถือว่า ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นสารที่ตอบโจทย์ที่สุดในเวลานี้ เนื่องจากสามารถทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว โดยในความเข้มข้นที่ใช้คือ 0.5 % นั้นมีความปลอดภัยสูงไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ไม่มีสารตกค้าง และเป็นสารที่ได้รับการยอมรับนำมาใช้ในวงการแพทย์มานานหลายสิบปี ที่สำคัญไม่เป็นวัตถุไวไฟเหมือนแอลกอฮอล์
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ มีคุณสมบัติที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างสูงในการนำไปใช้ฉีดพ่นรวมทั้งเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งในสถานประกอบการ คอนโด ร้านอาหาร อาคารบ้านเรือน ห้องครัว รถยนต์ส่วนตัว ฯลฯ ด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้ คือ 1) สามารถทำลายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ภายใน 1 นาที 2) มีความปลอดภัยสูงมากโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อและผิวหนัง 3) เป็นสารปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์มาอย่างยาวนานในการนำมาใช้ทำความสะอาดบาดแผล รวมทั้งนำมาใช้ในการทำความสะอาดสถานพยาบาลและห้องผ่าตัดซึ่งต้องการการปลอดเชื้อ 4) สามารถสลายได้เองโดยไม่มีสารตกค้าง 5) มีความปลอดภัยเพราะไม่ติดไฟง่ายเหมือนแอลกอฮอล์ 6) ไม่ก่อให้เกิดสารพิษที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจเหมือนน้ำยาฟอกขาว และ 7) หากนำไปใช้ฉีดพ่นหรือเช็ดทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ก็ไม่ก่อให้เกิดรอยด่าง
แต่ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจผิดและเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อประเภทเบนซาลโคเนียมคลอไรด์ 0.05-2% และ คลอร์เฮกซิดีน 0.02% แทน ซึ่งจากข้อมูลงานวิจัยรวมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันแล้วว่าไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอนำไปใช้ฆ่าเชื้อไวรัสกลุ่มโคโรนา[iii] และแม้มีการอ้างว่าได้นำสารเบนซาลโคเนียมคลอไรด์ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มาฉีดพ่นเพื่อทำลายเชื้อโคโรนาไวรัส แต่ในความเป็นจริงนั้น ต้องมีส่วนผสมความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อยู่มากถึง 70% จึงจะมีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไวรัสได้ ซึ่งในกรณีนี้สามารถใช้แอลกอฮอล์ 70% เพียงอย่างเดียวได้เลยโดยไม่ต้องมีส่วนผสมของเบนซาลโคเนียมคลอไรด์แต่ก็ถือว่าเป็นวัตถุไวไฟอย่างดีด้วยเช่นกัน จึงต้องทำการตัดสินใจพิจารณาถึงปัจจัยรอบด้านอย่างรอบคอบในการเลือกใช้สารทำความสะอาดที่ได้ผลจริง มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยต่อมนุษย์ สุขภาพร่างกาย รวมทั้งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
โดยผู้ที่มีหน้าที่ในการทำความสะอาด ต้องสวมชุดป้องกันให้รัดกุมปลอดภัยตลอดเวลา รวมทั้งสวมใส่ถุงมือและมาสก์ในการฉีดพ่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ซึ่งเราไม่ควรประมาทเนื่องจากเราไม่อาจรู้ได้ว่ามีเชื้อโควิด-19 รวมทั้งเชื้อไวรัสอื่นๆ อยู่ในพื้นที่หรือไม่โดยเฉพาะบริเวณสาธารณะ จึงจำเป็นต้องป้องกันตนเองให้ปลอดภัยไว้ก่อนเป็นสำคัญ
[i] WHO : Cleaning and disinfection of environmental surfaces in the context of COVID-19 : Interim guidance (15 May 2020)
[ii] อ้างอิงจากเว็บไซต์รัฐบาลไทย: https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/34597
[iii] WHO : Laboratory biosafety guidance related to coronavirus disease (COVID-19) : Interim guidance (13 May 2020)