นายสรรเพชร นิลรัตน์ กรรมการผู้จัดการมูลนิธิ EDF (มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา) เผยว่า "ในนามของมูลนิธิ EDF ผมขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อ และให้ "โอกาสทางการศึกษา" ให้แก่นักเรียนที่ขาดแคลน ผมเชื่อว่าพลังแห่งการให้โดยเฉพาะ "การให้โอกาสทางการศึกษา" จะสามารถส่งต่อและเปลี่ยนเป็นพลังใจที่สำคัญให้นักเรียนที่รอโอกาสเหล่านี้มีความเข้มแข็ง ทำให้ฝ่าฟัน ผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคทั้งในชีวิตและการเรียน และเติบโตเป็นผู้ให้โอกาสและช่วยเหลือผู้อื่นได้ต่อไปในอนาคต โดยในปีการศึกษา 2564 ที่จะถึงนี้ มีนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกของมูลนิธิที่รอรับทุนซึ่งจะปิดรับบริจาคทุนภายใน 30 มิถุนายน 2564 อีก 3,871 ทุน โดยตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2563 ถึง 9 เมษายน 2564) มูลนิธิสามารถระดมทุนการศึกษาได้ไปแล้วทั้งสิ้น 6,239 ทุน"
แม้ร่างกายจะพิการและอาศัยอยู่กับตา ยายและพี่ชาย เพราะพ่อแม่หย่าร้างกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เด็กชายกิตติวัฒน์ที่กำลังศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนในจังหวัดมุกดาหารมีความน้อยใจในโชคชะตาชีวิตของตนเองแต่อย่างใด เพราะการเลี้ยงดูด้วยความรักความใจใส่จากตายายที่อาศัยเงินเบี้ยผู้สูงอายุส่งให้เรียนหนังสือและพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่นตามหมอนัดเป็นประจำ
"ร่างกายผมพิการ ไม่สามารถยืนหรือเดินด้วยขาทั้งสองข้างได้ ทำให้การเดินทางไปโรงเรียนลำบาก แต่ถ้าไปโรงเรียนช่วงที่ไม่มีรถเข็น เพื่อน ๆ ก็จะช่วยพยุง หรืออุ้มไปเรียน และทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนหลังเลิกเรียน และในวันหยุดผมจะและอ่านหนังสือ และช่วยตายายทำงานบ้าน เช่น ความสะอาดบ้าน และถูพื้น ผมอยากได้ทุนการศึกษา เพื่อให้สามารถเรียนต่อในระดับชั้นที่สูงขึ้น แต่ก็ไม่ทราบว่าจะสามารถเรียนได้ถึงระดับชั้นไหน และตากับยายจะมีเงินส่งผมเรียนได้ถึงชั้นไหน แต่ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากเรียนจนจบปริญญาตรีครับ"
ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ทุกคนต่างมองหาความหวังและโอกาสให้กับตนเอง เช่นเดียวกับเด็กชายมูอาฟันดี วัย 9 ขวบ ที่กำพร้าพ่อจากเหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ 8 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่โรงเรียนในจังหวัดนราธิวาสก็เช่นเดียวกันที่ต้องการเรียนหนังสือให้จบการศึกษาอย่างน้อยระดับมัธยมศึกษาเพื่อจะได้มีโอกาสในการหางานทำ สามารถเลี้ยงดูตนเอง ตากับยายที่เลี้ยงดู และแม่ที่ทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซียซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทยได้เพราะสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด อีกทั้งไม่มีเงินส่งมาจุนเจือครอบครัวได้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากถูกลดค่าจ้าง
เด็กชายมูอาฟันดี เล่าว่า "คุณครูได้มาเยี่ยมบ้านและเห็นความลำบากของที่บ้านผม จึงได้ให้ความช่วยเหลือโดยจ้างตากับยายให้ไปกรีดยางในสวนยาง แต่ในปัจจุบันดวงตาของตามองไม่เห็น ยายซึ่งอายุ 60 ปี ก็ไม่สามารถเดินขึ้นเขาไปกรีดยางในสวนที่ห่างจากบ้านราว 10 กิโลเมตรได้อีกต่อไป ทำให้ตากับยายต้องเลิกกรีดยางและให้มีรายได้จากเบี้ยคนชราที่รัฐให้รวมกันเดือนละ 1,200 บาทเท่านั้น ผมจึงอยากได้ทุนการศึกษามากครับ"
สำหรับนางสาวจตุพร ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนในจังหวัดอำนาจเจริญที่ต้องการทุนการศึกษาเพื่อสานฝันของตนเองในการเรียนต่อในคณะเภสัชศาสตร์และทำงานเป็นเภสัชกรในอนาคตเล่าว่า "หนูอาศัยอยู่กับครอบครัวประกอบด้วย ตา พ่อ แม่ พี่สาว หนูชอบเรียนวิชาเคมี ฟิสิกส์ และชีวะวิทยา หลังเลิกเรียนหนูจะกลับบ้านมาทำงานบ้านต่าง ๆ เพื่อแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ส่วนในวันหยุดก็ไปหางานทำ เพื่อนำรายได้มาช่วยจุนเจือครอบครัวค่ะ"
ผู้สนใจสามารถร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาได้ด้วยการโอนเงินผ่านบัญชี "มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (มูลนิธิ EDF)" ธนาคารกรุงเทพ เลขที่บัญชี 161-4-56698-0 ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 070-2-45369-0 ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 980-7-59891-5 ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 319-2-77744-8 และธนาคารทหารไทย เลขที่บัญชี 069-2-41110-1 หลังโอนเงินบริจาคแล้วสามารถส่งเอกสารการโอนและแจ้งรายละเอียดเพื่อรับใบเสร็จรับเงินในการนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ที่อีเมล public@edfthai.org นอกจากนั้นสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานของมูลนิธิได้ที่ www.edfthai.org หรือสอบถามข้อมูลได้ที่โทรศัพท์ 02-579-9209 ถึง 11