'บมจ.ไซมิส แอสเสท' หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 เติบโตแกร่ง กวาดรายได้รวม 720.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 49 ล้านบาท ตุน Backlog ในมือกว่า 6,400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้กว่า 2,300 ล้านบาท หนุนรายได้ทั้งปี 64 แตะ 4,800 ล้านบาทตามเป้าหมาย พร้อมจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อบริหารสินทรัพย์ AMC เข้าซื้อ NPL และ NPA จากธนาคารโดยตรง ชูจุดเด่นการเข้าถึงสินทรัพย์ต้นทุนต่ำ ทำให้ประหยัดเวลาและต้นทุนก่อสร้าง
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด 'Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต' เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 ทำรายได้ 720.6 ล้านบาท เติบโต 41.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 508.4 ล้านบาท แม้ยังต้องเผชิญต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจกระทบต่อยอดขายของบริษัทฯ เล็กน้อยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเริ่มฟื้นตัว และฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงต้นเดือนมีนาคม
ขณะเดียวกัน SA ได้เพิ่มรายได้จากธุรกิจการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภท Branded Residence โดยมีบริการในรูปแบบของ Hotel Interchain เช่น Wyndham และ Ramada โดยที่ ณ สิ้นเดือนเมษายน สามารถรับรู้รายได้จากการเช่าประมาณ 2 ล้านบาท และคาดว่าจนถึงปลายปี 2564 จะมีรายได้จากการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ประมาณเดือนละ 7 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปช่วยเสริมในส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารได้
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 49 ล้านบาท และยังสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ 263.4 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 40.8% ต่อรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์จำนวน 645.1 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯ มุ่งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับควบคุมต้นทุนการก่อสร้างและบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ ได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ
ปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ในปีนี้กว่า 6,400 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ผลักดันให้ผลการดำเนินงานทั้งปีทำรายได้ 4,800 ล้านบาท ตามเป้าหมาย อีกทั้งจากกลยุทธ์ Branded Residence ที่ได้เริ่มดำเนินการด้านการตลาดมาก่อนหน้านี้ ทำให้ยอดขายเติบโตอย่างชัดเจน คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างผลงานให้ SA ได้ในอนาคต
ล่าสุด SA กำลังจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company: AMC) โดยจะดำเนินธุรกิจเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ประสบปัญหาด้านการเงินกับเจ้าหนี้ ซึ่งจะช่วยทำให้ SA สามารถเข้าซื้อ NPL และNPA จากสถาบันการเงินได้โดยตรง และสามารถเข้าถึงที่ดินต้นทุนต่ำ หรือเข้าถึงที่ดินกลางใจเมืองที่ปัจจุบันการหาที่ดินเปล่านั้นยากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนำมาปรับปรุง โดยใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมงานและผู้บริหารในการปรับปรุงอาคารมาแล้วหลายแห่ง จึงสามารถต่อยอดพัฒนาไปสู่รูปแบบ Branded Residence ได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนค่าก่อสร้าง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปี บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีกกว่า 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 11,350 ล้านบาท เน้นทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งจะรองรับทุกความต้องการของกลุ่มคนในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ผู้สูงอายุ คนรักสัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั่งนักลงทุน แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,350 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยเร็วๆ นี้ เตรียมเปิดโครงการ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset ย่านรามอินทรา ซึ่งพัฒนาเป็น Mixed-Use Real Estate ประกอบด้วย Branded Residence ห้องชุดพักอาศัย พื้นที่เชิงพาณิชย์ และห้องประชุม และโครงการ Landmark @ MRTA Station By Siamese Asset ย่านพระราม 9 โดยคาดหวังว่าจะเข้ามาเพิ่ม Backlog ของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น