"NOBLE" โชว์ฟอร์มเจ๋ง Q1/64 กำไรทะยาน 484 ลบ. โกยยอดขาย 2,568 ลบ.ดัน Backlog แตะ 12,884 ลบ. Q2/64 จ่อเปิดคอนโดฯ เพิ่มเติม - ปั้นยอดขายทั้งปีแตะ 16,000 ลบ.
บมจ. โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2564 รายได้รวมแตะที่ระดับ 2,682 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 484 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดและโครงการบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจากลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมกวาดยอดขายรวม 2,568 ล้านบาท ดัน Backlog แตะ 12,884 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร "นาย ธงชัย บุศราพันธ์" เดินหน้าตอกย้ำลูกค้าต่างชาติยังสนใจอสังหาฯไทยอีกเพียบ เชื่อโควิด-19 คลี่คลายการลงทุนกลับมาฟื้นตัว จ่อเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่ม 9 โครงการตลอดทั้งปีมูลค่ารวม 45,100 ล้านบาท ปั้นยอดขายทั้งปีแตะ 16,000 ล้านบาท
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยผลดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 2,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิจำนวน 484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 18% เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ 39%
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้รายได้และผลกำไรสุทธิของบริษัทฯ เติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด และโครงการบ้านที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจากลูกค้าทั้งไทย และต่างประเทศ อาทิ โครงการโนเบิล บี19 สุขุมวิท โครงการโนเบิล อราวน์ สุขุมวิท 33 โครงการนิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ โครงการโนเบิล แอมเบียนส์ สุขุมวิท 42 โครงการโนเบิล เพลินจิต เป็นต้น รวมทั้งการขายของโครงการโนเบิล อเบิฟ ไวร์เลส-ร่วมฤดี อีกด้วย
"ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทฯยังคงเปิดโครงการต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ และถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง เนื่องจากการทำแผนการตลาดเชิงรุกในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่หลากหลายในระดับราคาที่เหมาะสม ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละทำเลได้อย่างลงตัว ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถปิดยอดขายในไตรมาสแรกที่ระดับ 2,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกว่า 1,300 ล้านบาท เป็นยอดขายจากโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และอีกกว่า 1,200 ล้านบาทหลักๆมาจากการเปิดโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการคือโครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ และโครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา "
นอกจากนี้ บริษัทฯ มียอด Backlog ณ สิ้นสุดไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 12,884 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.98 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2563 สะท้อนจากสภาพคล่องที่สูงขึ้นและกำไรสะสมที่เพิ่มมากขึ้นจากกำไรจากการดำเนินงาน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ยังได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2564 ว่า ลูกค้าต่างชาติยังคงให้ความสนใจการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากในช่วงไตรมาส 1/2564 มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 45% ของยอดขายรวมจากทุกผู้ประกอบการในการขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและปริมณฑลสำหรับลูกค้าต่างชาติในไตรมาส 1/2564 ดังนั้นจึงเชื่อว่าหากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการฉีดวัคซีนก็จะสร้างความเชื่อมั่นต่อภาคการลงทุนของกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและการเปิดประเทศให้กับลูกค้าต่างชาติ ซึ่งในส่วนของบริษัทฯ ก็เฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และปรับรูปแบบการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินแผนการพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่องตลอดปี 2564 โดยบริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่ที่ครอบคลุมทุก Product Segment และครอบคลุมทุก Product Type ในทำเลที่ตั้งหลากหลาย โดยจะเริ่มจากโครงการ Nue Condo&Townhome @ Don Mueang มูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท โดยจะทยอยเปิดตัวในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2564 รวมทั้งโครงการการลงทุนในสหราชอาณาจักรที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือนนี้อีกด้วย
โดยจากกลยุทธ์ทางธุรกิจ บริษัทฯตั้งเป้าการรับรู้รายได้แตะ 10,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย (pre-sale) จำนวน 16,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยติดอันดับ TOP 5 ภายใน 3 ปีข้างหน้า