"สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI)" ผู้นำธุรกิจที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างครบวงจร ปลื้มผลงาน Q1/64 มาตามนัด กำไรอยู่ที่ 40.2 ล้านบาท พุ่งแรง 47.3% ส่วนรายได้อยู่ที่ 456.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 96.3% จากการบริหารงานโครงการได้ตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งการส่งมอบงานในมือ และการประมูลงานใหม่ แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับ การควบรวมกิจการ บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง (AEC) เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง หนุนปัจจุบันมี Backlog ในมืออยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ครอบคลุมโปรเจ็กต์ภาครัฐและภาคเอกชน รอทยอยส่งมอบตามแผน
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานงวดประจำไตรมาส 1/2564 มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมาย โดยรายได้จากการให้บริการรวมอยู่ที่ 456.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 223.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 96.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 40.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.3 สาเหตุหลักมาจากความเชี่ยวชาญในการบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง รวมทั้ง ธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม และธุรกิจอื่น ที่ประสบความสำเร็จ และมีการทยอยส่งมอบงานตามแผน
รวมทั้ง การรวมรายได้ของบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) เข้ามาในไตรมาส 1/2564 ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญในงานโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มโอกาสในการขยายงานในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ มากขึ้น สนับสนุนให้ปีนี้ กลุ่ม STI มีความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทสูงกว่าเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 30.0 อัตรากำไรสุทธิร้อยละ 8.8
"ในช่วงโค้งแรกของปีกลุ่มบริษัทมีรายได้และกำไรเติบโตขึ้นมาก จากการทยอยรับรู้รายได้ของโครงการในมือตามความสำเร็จของงาน ได้แก่ การรับรู้รายได้สำหรับงานโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการ โซน C ในขณะที่งานโครงการอื่นๆ ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์โควิด เช่น โครงการ One Bangkok โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โครงการอาคารชุดพักอาศัยหลายโครงการ โครงการอาคารสำนักงาน และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น สะท้อนการบริหารจัดการภายในอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารงานภายในองค์กร ด้วยมาตรการป้องกันสูงสุดตามนโยบายภาครัฐ" นายสมเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ดี นอกจากการดำเนินธุรกิจเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ การควบรวมกิจการบริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด จะเข้ามารับรู้ในปีนี้เต็มปีเป็นปีแรก เป็นส่วนสนับสนุนให้ผลประกอบการให้แข็งแรงขึ้น และเป็นการขยายพอร์ตไปสู่งานโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม
โดยปัจจุบัน กลุ่ม STI มีโครงการในมือ (Backlog) รวมกันอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท หรือกว่า 200 โครงการ แบ่งเป็นงานภาครัฐบาลสัดส่วน 74% และเอกชนสัดส่วน 26% ที่จะทยอยรับรู้รายได้ 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งส่วนมากเป็นโครงการขนาดใหญ่ และยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอประมูลเพิ่มเติมอีก คาดจะเห็นความชัดเจนในการรับงานใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงต่อจากนี้ รวมทั้ง การศึกษาโอกาสการเติบโตในทุกรูปแบบ