LDC ปรับกลยุทธ์ปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร ปฎิวัติต้นทุนลดภาระระยะยาวรับปัจจัยเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจยืดเยื้อ เพื่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีเครือข่าย 27 สาขาทั่วประเทศ โดยเป็นสหคลินิกที่มีบริการด้านความงามควบคู่ 5 สาขา เตรียมพร้อมรับโอกาสหลังวิกฤติการณ์คลี่คลาย เนื่องจากการให้บริการด้านทันตกรรมถือเป็นเรื่องสำคัญ และมีความต้องการจากผู้บริโภค ทั้งเพื่อการรักษา และความสวยงาม ยังมั่นใจธุรกิจจะพลิกฟื้นด้วยการเดินหน้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยภายใต้กลยุทธ์ LDC The Next Normal ล่าสุดรายงานงบ Q1/64 มีรายได้กว่า 101 ลบ.
ทันตแพทย์วัฒนา ชัยวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้ให้บริการศูนย์ทันตกรรมทันตแพทย์เฉพาะทางในนาม LDC Dental เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 1/2564 ภาพรวมธุรกิจทันตกรรมภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน แม้ศูนย์ทันตกรรมยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ แต่ผู้บริโภคชลอการเข้ารับบริการ ทำให้รายได้ของบริษัทฯลดลง จำเป็นต้องปรับเกมธุรกิจ ปิดสาขาที่ไม่มีความสามารถในการทำกำไร เพื่อคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ
โดยในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทฯ ได้พิจารณายุติการดำเนินงานในสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการทำกำไร และมีเครือข่ายใกล้เคียงกัน สามารถรองรับลูกค้าแทนได้จำนวน 3 สาขา ประกอบด้วยสาขาสายไหม, สาขางามวงศ์วาน และสาขาถนนเพชรบุรี และปิดบริการคลินิกความงาม 2 สาขา คือ สาขางามวงศ์วาน และ สาขาพระราม 5 เนื่องจากปริมาณลูกค้ายังไม่มากพอ ประกอบกับค่าตอบแทนแพทย์ยังมีสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับรายได้ ทำให้เกิดผลขาดทุนจากการตัดจ่ายสินทรัพย์บนพื้นที่เช่า จำนวน 4.53 ล้านบาท แต่มีรายได้จากการยกเลิกสัญญาเช่าจำนวน 4.58 ล้านบาท ทำให้กำไรจากการตัดจ่ายสุทธิจำนวน 0.05 ล้านบาท หลังปิด 3 สาขาข้างต้นแล้วปัจจุบันบริษัทฯมีคลินิกทันตกรรมภายใต้แบรนด์ LDC Dental รวม 27 สาขาทั่วประเทศ มีคลินิกความงามภายใต้แบรนด์ LDC Esthetics 5 สาขา
สถานการณ์การแพร่ระบาดในช่วงไตรมาส 1/2564 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของบริษัทฯ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 101.32 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 17.19 ล้านบาท (คิดเป็น 14.50%) ทำให้ผลประกอบการขาดทุน 8.48 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 8.37 ของรายได้รวม ขาดทุนลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนอยู่ที่ 10.45 ล้านบาท ทั้งนี้เกิดจากนโยบายการบริหารต้นทุนอย่างเข้มงวดของบริษัทฯตั้งแต่ Q2/63 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ดี ในปี 2564 LDC จะมุ่งเตรียมความพร้อมเพื่อรับโอกาสหลังวิกฤติการณ์คลี่คลาย บริการด้านทันตกรรมถือเป็นเรื่องสำคัญ และมีความต้องการจากผู้บริโภค บริษัทฯยังมั่นใจธุรกิจจะพลิกฟื้นภายใต้กลยุทธ์ LDC The Next Normal ที่จะยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในทุกสาขา ตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภควิถีใหม่ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งตอกย้ำให้แก่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ของบริษัทฯเพิ่มความมั่นใจในระบบกระบวนการมาตรฐานของ LDC Dental เชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างยั่งยืนได้