ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เดินหน้าอัดสินเชื่อหนุนผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่ ปล่อยแคมเปญ "กล้าให้ Fighter" พร้อมฟันฝ่าทุกอุปสรรค เคียงข้างธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี ด้วยความเชื่อมั่นและมองเห็นในศักยภาพ ความเข้มแข็ง รวมถึงหัวใจนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ โดยเน้นความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ที่พัฒนาบนพื้นฐานความเข้าใจในผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อ "SME กล้าให้" ของธนาคาร และพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการผ่านสินเชื่อฟื้นฟู ตามมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี ตามแนวคิด "Everyone Matters ใครไม่เห็น เราเห็น"
นายนาธัส กฤตวรานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริหารธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาอย่างยาวนานตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารไทยเครดิตในฐานะสถาบันการเงินที่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากและความจำเป็นในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี รวมถึงมองเห็นความเป็นนักสู้ของผู้ประกอบการที่ยังคงยืนหยัดประคับประคองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ จึงได้ส่งมอบความช่วยเหลือ ทั้งการสนับสนุนสินเชื่อตามนโยบายของภาครัฐ และการปล่อยสินเชื่อผ่านผลิตภัณฑ์ SME กล้าให้ เพื่อยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี มาตั้งแต่ช่วงแรกของการเกิดวิกฤตดังกล่าว"
"แม้จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ขึ้นในปีนี้ แต่ธนาคารยังมีความเชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการจำนวนมากยังไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและมีศักยภาพเพียงพอที่จะประคับประคองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ ธนาคารจึงได้รวบรวมข้อมูลและศึกษาความต้องการของผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี และนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตรงกับความต้องการในตลาดให้มากที่สุด โดยเน้นความหลากหลายและยืดหยุ่น เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีสามารถบริหารจัดการเงินทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และประคับประคองธุรกิจให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้" นายนาธัสกล่าว
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มสภาพคล่อง และใช้ในการฟื้นฟูธุรกิจ ธนาคารแนะนำสินเชื่อ SME กล้าให้ ที่ในปีนี้ได้เพิ่มวงเงินสูงสุดเป็น 30 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่มีหลักประกัน หรือสำหรับลูกค้าที่ไม่มีหลักประกัน ธนาคารเพิ่มวงเงินสูงสุดเป็น 10 ล้านบาท และรับเงินไวภายใน 5 วันทำการธนาคาร หลังจากเอกสารครบ เพื่อให้ลูกค้านำไปใช้เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจได้ทันต่อความต้องการ
ในกรณีที่ลูกค้ามีสภาพคล่องเพียงพออยู่แล้ว แต่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในการดำเนินการ ธนาคารแนะนำสินเชื่อ SME กล้าให้รีไฟแนนซ์ ที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน โดยรับดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน จากนั้นเดือนที่ 4 ถึงเดือนที่ 12 รับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงตามสัญญารีไฟแนนซ์ ลบด้วย 1% ต่อปี เดือนที่ 13 เป็นต้นไป รับอัตราดอกเบี้ย 6.75% - 12% ต่อปี
นอกจากนี้ ธนาคารยังพร้อมสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อฟื้นฟู หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยลูกค้าปัจจุบันสามารถขอสินเชื่อได้สูงสุด 30% ของวงเงินสินเชื่อเดิม สำหรับลูกค้าใหม่ที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินทุกแห่ง สามารถขอสินเชื่อได้สูงสุด 20 ล้านบาท (นับรวมวงเงินจากทุกสถาบันการเงิน) ซึ่งลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2 ปีแรกเพียง 2% ต่อปี และได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก ตามมาตรการของรัฐ
สำหรับการสนับสนุนด้านเงินทุนผ่านสินเชื่อ SME กล้าให้ ที่ธนาคารดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ในปี 2563 ที่ผ่านมา ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีไปถึง 20,000 ล้านบาท โดยสามารถช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการกว่า 5,000 ราย และในไตรมาสแรกของปี 2564 ธนาคารยังคงให้การสนับสนุนสินเชื่อกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยได้อนุมัติวงเงินสินเขื่อ SME กล้าให้ ไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารจะยังคงให้การสนับสนุนและยืนหยัดสู้อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีให้สามารถข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
ผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีที่สนใจ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 697 5454 หรือที่เว็บไซต์ www.tcrbank.com