บมจ.ทานตะวันอุตสาหกรรม หรือ THIP ประกาศงบไตรมาส 1/2564 มีผลกำไร 81.8 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 14.8% กวาดยอดขาย 816.3 ล้านบาท เติบโต 8.9% ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น วางเป้าธุรกิจปี 64 แข็งแกร่ง เดินหน้าขยายกำลังการผลิตเพิ่มรองรับดีมานด์จากลูกค้าต่างประเทศที่เพิ่มขี้น พร้อมเปิดตัวสินค้าแบรนด์ SUN ด้วยนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ ใน Q2/64 นี้ ตอบรับเทรนด์สุขภาพ เน้นความสะอาดและปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัน
นางพจนารถ ปริญภัทร์ภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์คุณภาพระดับสากล เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 81.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.8% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 71.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.02 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2563 ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.89 บาทต่อหุ้น ขณะที่รายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 816.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.9% จากงวดเดียวกันปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมจากการขาย 749.3 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นคิดเป็น 21.8% ของยอดขาย ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 22.8% โดยเป็นผลจากราคาวัตถุดิบหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 จนถึงปลายไตรมาส 1/2564 ส่งผลให้ต้นทุนขายสูงขึ้น 59.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.2%
บริษัทฯ สามารถรักษาการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง ทำให้สามารถลดต้นทุนอย่างยั่งยืน ซึ่งเริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนถึงปี 2564 นี้ จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลงเพียง 0.9% และยังคงความสามารถในการทำอัตรากำไรสุทธิเติบโตขึ้นอยู่ที่เกือบ 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 9.5%
"ยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น จากการขยายฐานลูกค้า บวกกับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคโควิด ส่งผลให้ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท เติบโตถึง 12.5% ขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์อื่น ประกอบด้วย ใยขัดผิว ฟิล์มห่ออาหาร กลุ่มเม็ดหลอมและเศษพลาสติก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยกลุ่มนี้มีการเติบโตจากฟิล์มห่ออาหาร ซึ่งเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่บริษัทกำลังทำการตลาด ซึ่งการสร้างแบรนด์ยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญของบริษัท" นางพจนารถ กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2 คาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากตลาดบรรจุภัณฑ์ โดย บริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มเพื่อรองรับดีมานด์จากลูกค้าต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการทำตลาดลูกค้าใหม่ เอื้อธุรกิจเติบโตในระยะยาว พร้อมเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ SUN ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น