สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ บริษัท พรีมา เลเซอร์ เทอร์ราพี จำกัด ส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และหน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้ P-mark มูลค่ารวมกว่า 6,000,000 บาท ให้กับสถานพยาบาล 55 แห่งทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงให้กับบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะผู้ที่ต้องอยู่ด่านหน้าและสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 รวมถึงเป็นการยกระดับศักยภาพด้านนวัตกรรมการแพทย์ของไทยให้สามารถกระจายอย่างทั่วถึงมากขึ้น โดยนวัตกรรมหน้ากากพีเอพีอาร์นี้ถูกออกแบบมาพิเศษเพื่อให้ทีมแพทย์สวมใส่ได้สบายตัว สามารถหายใจได้สะดวก และสามารถกรองเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ภายนอกไม่ให้เข้ามาข้างในเพราะมีแรงอัดของลมคอยผลักอยู่ ผู้ใช้งานจึงมีความปลอดภัยสูง
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องในทั่วโลก NIA ได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนภาคเอกชน วิสาหกิจเพื่อสังคม และหน่วยงานภาครัฐทั้งรูปแบบเงินทุนและเครือข่าย เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การบรรเทาและป้องการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สนับสนุนเงินทุนไปจำนวน 11 ผลงาน มูลค่าการสนับสนุนกว่า 50 ล้านบาท เช่น ระบบดูแลสุขภาพทางไกลสู้ภัยโควิด-19 (สมาคมการค้าเฮลท์เทคไทย) ชุดตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 แบบรวดเร็วประเภท lateral flow Immunoassay (บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด) ห้องแยกผู้ป่วยที่แพร่กระจายเชื้อทางอากาศแบบถอดประกอบได้สำหรับผู้ป่วยหนักจากโควิด-19 (บริษัท วินด์ชิลล์ จำกัด) Smart Pulz ช่วยลดการติดเชื้อโควิด-19 ในบุคลากรทางการแพทย์ (ห้างหุ้นส่วนจำกัด เมดิออท).โครงการหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ และหน้ากากอนามัยแบบใช้ซ้ำ (บริษัท เลเซอร์พรีม่า จำกัด) ฯลฯ โดยล่าสุด NIA ได้ร่วมกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขนส่งสิ่งของจำเป็นและกระจายความช่วยเหลือไปยังภาคส่วนต่าง ๆ ภายใต้โครงการ "ส่งความห่วงใย ส่งให้สู้ภัย COVID-19 ปี 2564" พร้อมด้วย บริษัท พรีมา เลเซอร์ เทอร์ราพี จำกัด ผู้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด - 19 ส่งมอบนวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ (Powered Air Purifying Respirator; PAPR) หรือ ชุดหน้ากาก PAPR สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 200 ชุด และหน้ากากอนามัยชนิดใช้ซ้ำได้ จำนวน 200 ชิ้น ซึ่งมีมูลค่ากว่า 6,000,000 บาท ไปยัง 55 สถานพยาบาลทั่วไทยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดความเสี่ยงจากการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะจากการสวมใส่ชุดป้องกันภัยที่ส่วนใหญ่พบว่ามีระบบระบายอากาศที่ยังไม่ดีพออาจทำให้เกิดผิดความปกติ เช่น เป็นลม หรือเกิดการติดเชื้อระหว่างปฏิบัติงาน
"นอกจากนวัตกรรมการแพทย์ที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับช่วงเวลานี้ เปรียบเสมือนเป็นกำลังเสริมทัพให้บุคลากรทางการแพทย์มีความแข็งแกร่งพร้อมรับมือกับสถานการณ์การระบาดในปัจจุบันซึ่งถือว่าหนักหนากว่าทุกช่วงที่ผ่านมาแล้ว NIA ยังมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมในอีกหลากหลายมิติ เพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตนี้โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตสู่นิวนอร์มอล ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมการเรียนออนไลน์ นวัตกรรมทางธุรกรรมการเงิน นวัตกรรมการบริการในรูปแบบต่างๆ หรือแม้แต่นวัตกรรมที่สามารถรองรับการทำงานรูปแบบใหม่การสร้างโอกาสการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดของสตาร์ทอัพและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศสามารถเดินต่อไปได้ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้ดีขึ้น"
ด้าน ดร.เจริญ ตั้งตรงเบญจศีล กรรมการผู้จัดการบริษัท พรีมา เลเซอร์ เทอร์ราพี จำกัด กล่าวว่า นวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะชนิดมีพัดลมพร้อมชุดกรองอากาศ หรือ หน้ากาก PAPR นี้มีลักษณะเป็นหมวกคลุมศีรษะและปั๊มลมช่วยดันลม ใช้ฟิลเตอร์เป็นเทฟลอน โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะช่วยป้องกันเฉพาะส่วนคอถึงศีรษะเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ร่วมกับชุด PPE-Personal Protective Equipment โดยหน้ากาก PAPR จะมีปั๊มลมด้านหลังที่ทำหน้าที่ในการระบายอาการภายในซึ่งออกแบบมาพิเศษ เมื่อทีมแพทย์สวมใส่จะช่วยให้รู้สึกสบายตัว หายใจได้สะดวก และสามารถกรองเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ภายนอกไม่ให้เข้ามาข้างในเนื่องจากมีแรงอัดของลมคอยผลักอยู่ จึงสามารถป้องกันเชื้อโรคได้มากถึง 99.99 % ดังนั้น ผู้ใช้งานจึงมีความปลอดภัยสูงกว่าการสวมใส่หน้ากาก N95 อย่างไรก็ตามการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยบรรเทาการติดโควิด-19 ทั้งในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนทั่วไปในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 นั้น เป็นสิ่งที่บริษัทได้ให้ความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตบริษัทจะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและส่งต่อไปสู่สังคม ทั้งในภาคประชาชนและกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้ระบบสาธารณสุขและสุขภาพของคนไทยเป็นไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น.