มีนาทรานสปอร์ต (MENA) หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เดินหน้าระดมทุนตามแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 184 ล้านหุ้น คาดเสนอขายภายในปีนี้ โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบล.เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ชูจุดเด่นในการบริหารจัดการรถและพนักงานจัดส่ง พร้อมรับโอกาสการเติบโตจากงานโครงสร้างพื้นฐานที่ขยายตัว และขยายการให้บริการในทุกภูมิภาคของประเทศ ล่าสุดอัพเดทผลงาน Q1/64 มีรายได้รวมเท่ากับ 152.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10.1 ล้านบาท มีรถที่บริหารจัดการมากกว่า 500 คัน และพนักงานจัดส่งมากกว่า 500 คน อยู่ในระดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีต หรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และเทรลเลอร์ (Trailer) รวมทั้ง การขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ของ MENA ในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 184.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ บริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 367 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 275 ล้านบาท วัตถุประสงค์การระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้สำหรับลงทุนในโครงการในอนาคต จ่ายคืนหนี้สิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ โดยโครงการในอนาคตของบริษัทฯ มีนโยบายกำหนดอัตราผลตอบแทนภายในขั้นต่ำ (IRR) เพื่อประโยชน์แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น
โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทฯ (โรดโชว์) ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนปีนี้ และคาดว่าจะเสนอขายและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ภายในปี 2564 นี้ โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ธุรกิจขนส่งของบริษัทฯ มีจุดแข็งในด้านศักยภาพการเติบโตสูง ได้รับประโยชน์จากงานโครงสร้างพื้นฐาน และงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ สอดรับนโยบายการลงทุนของภาครัฐและเอกชน เนื่องจาก รถขนส่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ขับเคลื่อนงานโครงการต่างๆ โดย MENA ถือเป็นผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่มีรถผสมคอนกรีตรองรับความต้องการของลูกค้าในงานโครงการขนาดใหญ่ได้อันดับต้นๆของประเทศ และยังถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกในธุรกิจรถผสมคอนกรีตที่เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการ และความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อบริษัทฯ
ปัจจุบัน MENA มีรถที่บริหารจัดการมากกว่า 500 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 466 คัน และรถเทรลเลอร์ (หัวลาก) 75 คัน นอกจากนี้ ยังมีรถกึ่งพ่วง หรือหางลากประเภทต่างๆ 105 คัน รวมทั้ง มีพนักงานจัดส่งภายใต้การบริหารกว่า 500 คนด้วยความสามารถในการบริหารจัดการกองยานและพนักงานจัดส่งจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจและรับงานได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะงานโปรเจกต์ขนาดใหญ่ โดยจะทำการขนส่งสินค้าชนิดต่างๆ ให้กับคู่ค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
สำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัทปูนซีเมนต์ชั้นนำของประเทศ อาทิ บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด (INSEE) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง บริษัท เอเซียผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ จำกัด (BUA Concrete) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์เอเซีย และ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย รวมถึง การขยายขอบเขตการให้บริการไปยังบริษัทผู้ผลิตท้องถิ่นอื่นๆ ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้บริการขนส่งสินค้าให้แก่บริษัทปูนซีเมนต์ผงต่างๆ บริษัทวัสดุก่อสร้าง และ สินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้ง การเป็นตัวแทนขายสินค้าให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ และเพื่อความครบวงจร
สำหรับภาพรวมผลประกอบการปีนี้ บริษัทฯ เตรียมพร้อมรับโอกาสการเติบโตจากความพร้อมทั้งกองยานรถมิกเซอร์ และพนักงานจัดส่ง เพื่อสอดรับนโยบายการลงทุนจากภาครัฐ และเอกชน ซึ่งจะทยอยกลับมาเดินหน้าตามแผนการลงทุนที่วางไว้ ได้แก่ โครงการ EEC เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบิน , โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และ โครงการรถไฟทางคู่ รวมทั้ง การปรับกลยุทธ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับการขยายงานโครงการของกลุ่มลูกค้าหลัก และการขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้น ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสนับสนุนแผนการเติบโตของ MENA ให้เป็นไปตามที่วางไว้ได้
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 1/2564 รายได้รวมของ MENA ประกอบด้วยรายได้ค่าขนส่ง รายได้ค่าบริการ รายได้จากการขาย และ รายได้อื่นๆ รวมอยู่ที่ 152.5 ล้านบาท ปรับลดลงเล็กน้อย ราว 14.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 178.8 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากค่าขนส่งและค่าบริการในสัดส่วนอย่างน้อย 90% ของรายได้รวมทั้งหมด โดยสาเหตุหลักในการปรับลดลง เนื่องจากค่าขนส่งและค่าบริการปรับขึ้นลงตามราคาน้ำมัน ซึ่งในไตรมาส 1/2564 นี้ ราคาน้ำมันลดลงมากกว่าปีที่แล้วราว10% นอกจากนี้ ภาคก่อสร้างยังคงชะลอตัวจากสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้จำนวนเที่ยวขนส่งลดลงด้วย
ขณะที่ ในงวดไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิ 10.1 ล้านบาท โดย MENA ปรับตัวโดยการลดค่าใช้จ่าย ประกอบกับต้นทุนทางการเงินลดลงจากการชำระคืนหนี้อย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์ COVID-19 ยังคงมีอยู่ แต่อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากปี 2563 อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.7% และในไตรมาส 1 ปีนี้อยู่ที่ 6.6% ขณะที่ผลประกอบการปี 2563 MENA มีรายได้รวม 614.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 34.8 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้ในปีนี้สถานการณ์ COVID-19 จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง แต่บริษัทฯ เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ และหากในอนาคตจะมีการแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ MENA คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบกับการขนส่งอย่างเป็นสาระสำคัญ และจะยังคงสามารถดำเนินการ เติบโตต่อเนื่องรับปัจจัยบวกในระยะยาว