กรุงไทย - ธ.ก.ส. ขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง จับมือยกระดับบริการการเงินและพัฒนาชุมชน ภายใต้โครงการ Sustainable Synergy สร้างโอกาสและความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจฐานรากผ่าน 5 โครงการ ทั้งการให้บริการเครือข่ายเครื่อง ATM ร่วมกัน การให้ผู้ถือบัตร ATM และบัตร Debit ของ ธ.ก.ส. ซื้อสินค้าและถอนเงินสดผ่านเครื่อง EDC ของกรุงไทย บริการดิจิทัลคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน จำหน่ายสินค้าผ่านฟีเจอร์ D-Market บนแอปฯ เป๋าตัง และใช้วายุคลาวด์เพิ่มขีดความสามารถแอปฯ ธนาคารต้นไม้ และกองทุนหมู่บ้าน
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) โครงการ "Sustainable Synergy ประสานพลังสถาบันการเงินแห่งรัฐ พัฒนาไทยสู่ความยั่งยืน" ภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงการคลัง กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อร่วมกันพัฒนาและยกระดับบริการทางการเงินให้เข้าถึงประชาชนครอบคลุมทุกมิติ พร้อมเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าที่หลากหลาย และการพัฒนาระบบโปรแกรมการบริหารงานขององค์กรชุมชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่
ด้าน นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังของสถาบันการเงินภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง โดยนำจุดแข็งของแต่ละแห่งมาสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อยกระดับการบริการ ทำให้ลูกค้าทั้ง 2 ธนาคาร ที่ถือบัตร ATM และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถใช้บริการตู้ ATM ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการทำรายการต่างธนาคาร รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือบัตร Debit ของ ธ.ก.ส. บัตรอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) บัตรอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) และบัตรสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จำนวนกว่า 2 ล้านใบ ได้รับประโยชน์จากการซื้อสินค้าและบริการโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมผ่านเครื่อง EDC ของธนาคารกรุงไทย และผู้ถือบัตร Debit ของ ธ.ก.ส. ยังสามารถถอนเงินสดผ่านเครื่อง EDC กับตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านการใช้บริการทางการเงินให้กับลูกค้า
ด้านการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรชุมชน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนให้เกษตรกร สถาบันเกษตร และผู้ประกอบการ SMEs เกษตร นำสินค้าคุณภาพดีจากชุมชนมาจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Social Commerce เช่น ข้าวสารหอมมะลิ ตรา A-Rice ของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ จำกัด (สกต.) ที่มีนวัตกรรมการกำจัดมอดโดยใช้คลื่นวิทยุ ทำให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่ปลอดภัยและข้าวสายพันธุ์พื้นเมืองที่ได้รับ GI เช่น ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ ข้าวก่ำ และข้าวฮางงอก เป็นต้น ผลิตภัณฑ์กระเป๋าแปรรูปจากต้นกล้วย แบรนด์ "ตานี" จังหวัดราชบุรี น้ำช่อดอกมะพร้าว 100% แบรนด์ "Hayoung have a health" จังหวัดสมุทรสาคร น้ำทับทิมจากไร่จรัสแสง จังหวัดนครราชสีมา กาแฟคั่วบด แบรนด์ "ก้องวัลเล่ย์ จังหวัดระนอง แคบหมูป๊อป แบรนด์ "ศิราณี" จังหวัดเชียงราย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ จาก สกต. ศรีสะเกษ จำกัด และผลไม้ตามฤดูกาลจากกลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ เป็นต้น ซึ่งนอกจากทำให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าคุณภาพจากเกษตรกรผู้ผลิตโดยตรงแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน การเชื่อมโยงบัญชี e-wallet เพื่อให้ลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถชำระสินค้าและบริการผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงร้านค้าได้ ตามนโยบายรัฐบาลและเพิ่มสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ
ในส่วนของวายุคลาวด์ ธ.ก.ส. จะนำมาพัฒนาแอปพลิเคชันโครงการสำคัญ ๆ เพื่อต่อยอดด้านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อชุมชนมากขึ้น เช่น โครงการธนาคารต้นไม้ที่ ธ.ก.ส. ได้เข้าไปสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเพื่อปลูกต้นไม้ มีการประเมินมูลค่าต้นไม้เพื่อใช้เป็นทรัพย์สิน การสนับสนุนให้ชุมชนเข้าร่วมโครงการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างรายได้จากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตและมีเป้าหมายในการจัดทำระบบ GPS ที่สามารถระบุตำแหน่งของต้นไม้ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการตรวจสอบ โดยปัจจุบันมีชุมชนที่เข้าร่วมโครงการธนาคารต้นไม้ จำนวน 6,838 ชุมชน มีจำนวนต้นไม้ที่ปลูกเพิ่มแล้วกว่า 12.3 ล้านต้น การสนับสนุนกองทุนหมู่บ้านและกลุ่มการเงินในชนบทที่ ธ.ก.ส. ดูแลกว่า 28,000 แห่ง ให้มีระบบการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ เช่น การจัดทำโปรแกรมช่วยปฏิบัติงานด้านสินเชื่อ เงินฝาก และระบบบัญชี เพื่อให้องค์กรการเงินชุมชน มีการยกระดับไปสู่การเป็นสถาบันการเงินประชาชนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของคนในชนบท และช่วยแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบ อันเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ นายธนารัตน์ กล่าว