SGP ปรับแผนเน้นตลาดต่างประเทศ ขายก๊าซแอลพีจีค้าส่งเป็นลำเรือขนาดใหญ่ (Offshore Trading) ตลาดแอลพีจีในประเทศจีน และการขยายตลาดค้าน้ำมัน (Oil Trading) ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คาดทิศทางในประเทศช่วงครึ่งปีหลังนี้สถานการณ์คาดว่าดีขึ้นจากการเร่งฉีดวัคซีนของภาครัฐบาล หนุนให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาขับเคลื่อนอีกครั้ง ส่งผลต่อความต้องการใช้พลังงานให้กลับมาเพิ่มขึ้น คาดปริมาณความต้องการใช้แก๊สหุงต้มจะกลับมาเพิ่มขึ้นในกลุ่มห้างสรรพสินค้า โรงแรม และร้านอาหาร หนุนยอดขายรวมทั้งปี โตตามเป้าหมาย 15% คงเป้ายอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทั้งปี 2564 ไว้ที่ 3.73 ล้านตัน
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การจำหน่ายก๊าซ LPG โดยมุ่งขยายฐานลูกค้าตลาดต่างประเทศที่เริ่มกลับมามีความต้องการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้น เช่น การขายก๊าซ LPG แบบลำเรือในประเทศในแถบเอเซียใต้ เช่น ประเทศบังคลาเทศ รวมถึงเร่งยอดขายในตลาดก๊าซ LPG ในประเทศจีน ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด เริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น และเริ่มเห็นปริมาณความต้องการใช้ก๊าซ LPG กลับเข้าสู่ภาวะปกติ คาดว่าแนวโน้มความต้องการในครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้อื่นนอกเหนือจากธุรกิจก๊าซ LPG คือ ธุรกิจค้าน้ำมันในต่างประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ ภายหลังที่บริษัทได้ซื้อคลังเก็บน้ำมันและท่าเรือน้ำลึกที่ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี จึงได้มีการต่อยอดคลังเก็บน้ำมันดังกล่าว โดยการใช้เป็นคลังในการเก็บและการกระจายสินค้า ไปยังต่างประเทศ โดยที่บริษัทเริ่มมีรายได้จากธุรกิจค้าขายน้ำมันตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 โดยมียอดขายน้ำมันอยู่ที่ 1.97 แสนบาร์เรล และเพิ่มขึ้นเป็น 7.2 แสนบาร์เรล ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 ซึ่งธุรกิจค้าน้ำมันมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ดีในอนาคต
ในขณะที่ยอดขายก๊าซ LPG ในประเทศ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นจากการเร่งฉีดวัคซีนของภาครัฐบาล คาดว่าจะส่งผลให้การแพร่ระบาดลดลงได้ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ และการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อความต้องการใช้พลังงานที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในส่วนของโมเดล "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" (Phuket Sandbox) ที่จะให้นักเดินทางจากต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว เข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว ที่จะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 จะช่วยหนุนให้มีความต้องการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับโครงการลงทุนนั้น ในส่วนของโครงการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซ LPG บนถนนสุขสวัสดิ์ และโครงการท่าเทียบเรือที่จังหวัดสงขลานั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2564 นี้ โดยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 บริษัทฯ ยังไม่มีแผนการลงทุนสำหรับโครงการขนาดใหญ่แต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้ายอดขายก๊าซ LPG สำหรับปี 2564 ไว้ที่ 3.73 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นราว 15% เมื่อเทียบกับปี 2563 เบื้องต้นคาดการณ์ราคาก๊าซ LPG เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 500-600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 550 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลับมาอยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 อีกครั้งเช่นเดียวกับช่วงเดียวกันของปีก่อน