ภาวะโลกร้อน หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกวัน โลกของเรามีความร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งจากการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลกและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดปริมาณก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ และเมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น จะส่งผลต่อสภาพอากาศของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปและส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อมนุษย์ สัตว์ และพืชพรรณทั้งหลาย ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหานี้และปกป้อง ฟื้นฟูโลกของเราจากสภาวะโลกร้อน
นายนภดล ศิวะบุตร ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของโลก เนสท์เล่ในฐานะผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และมีพันธกิจด้านความยั่งยืนในระดับโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เหลือศูนย์ภายในปี 2593 ปัจจุบันเราพยายามลดการปล่อยก๊าซที่เกิดจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เช่น การสนับสนุนการเกษตรแบบฟื้นฟู การลดการใช้พลังงาน และนำเสนอบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เพื่อให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้"
นายเปรม พฤกษ์ทยานนท์ อินฟลูเอนเซอร์สายรักษ์โลก เจ้าของเพจ "ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป" ได้ร่วมแบ่งปันความรู้เรื่องการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ว่าจะสามารถช่วยโลกของเราได้ว่า "ปกติข้าวของเครื่องใช้ที่เราใช้ในการดำรงชีวิต มาจากการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ ซึ่งต้องใช้พลังงานในการได้มาตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การผลิตและขนส่ง กว่าจะถึงมือผู้บริโภค กระบวนการเหล่านี้ทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือที่เราเรียกกันว่าก๊าซเรือนกระจก สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศ ดังนั้น เพื่อลดปริมาณคาร์บอนที่จะเกิดขึ้น เราจึงควรรีไซเคิลวัสดุต่าง ๆ และนำเข้าสู่กระบวนการเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ เพราะเป็นกระบวนการที่ก่อคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าการผลิตสิ่งของขึ้นมาใหม่ เนื่องจากไม่ต้องดึงเอาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พลาสติกจากปิโตรเลียมใต้ดิน กระดาษจากการตัดต้นไม้ โลหะจากการถลุงแร่มาใช้เพิ่ม และยังช่วยลดขยะที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอีกด้วย ยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้มีการใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ปริมาณมหาศาล ทั้งจากการเข้าร้านสะดวกซื้อ หรือใช้บริการเดลิเวอรี ทำให้เราต้องตื่นตัวในการแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล"
การรีไซเคิลนั้นเทียบเท่ากับเราได้ลดก๊าซเรือนกระจกไปในตัว ซึ่งเมื่อเทียบกับการปลูกต้นไม้ยืนต้น 1 ปี ที่จะดูดซับคาร์บอนได้ออกไซด์ได้ 9-15 กิโลกรัม การแยกขยะเพื่อรีไซเคิลทุกวัน ก็ถือว่าช่วยทดแทนการปลูกต้นไม้ได้ เรียกว่าเป็นการปลูกต้นไม้ทิพย์นั่นเอง ซึ่งเนสท์เล่ได้ริเริ่มนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
รีไซเคิลสิ่งนี้ ดีต่อโลกแค่ไหน
"การริเริ่มสร้างสรรค์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ของผู้ผลิตอย่างเนสท์เล่ จึงมีส่วนสำคัญ
ในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน บวกกับความร่วมมือร่วมใจของผู้บริโภคที่เห็นความสำคัญของการ
แยกขยะและการรีไซเคิล จะนำไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจนในการช่วยกันลดภาวะโลกร้อน" นายเปรมสรุป
"เพื่อโลกของเรา ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันจากทุกภาคส่วน เราสามารถช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เพื่อโลกไปพร้อมกับเนสท์เล่ โดยเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ใกล้ตัวในชีวิตประจำวันอย่างการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก และช่วยกันแยกขยะเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธี เพราะเนสท์เล่เชื่อในพลังเล็ก ๆ ที่จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้เพื่อปกป้องโลกของเราและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่คนรุ่นหลัง" นายนภดล กล่าวทิ้งท้าย
หมายเหตุ :
ตัวเลขการลดคาร์บอนนำมาจาก องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (EPA) สหรัฐอเมริกา โมเดล WARM v.15 (https://www.epa.gov/warm/versions-waste-reduction-model-warm#15)
ตัวเลขการดูดซับคาร์บอนนำมาจาก มูลนิธิสืบนาคะเสถียร (ใช้ตัวเลขที่ 10 กิโลกรัมต่อปี)