ยันฮี เดินหน้า ชูจุดเด่นศูนย์ความงามและสุขภาพครบวงจร ครึ่งปีหลังเตรียมจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายให้ลูกค้ามั่นใจกลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง หั่นราคาค่ารักษาเกือบทุกศูนย์ 10-50 % ดึงกำลังซื้อจากลูกค้าทุกกลุ่ม เตรียมเปิดศูนย์ความหลากหลายทางเพศ ตอบรับกระแสสังคมข้ามเพศที่เปิดกว้างมากขึ้น
นายแพทย์ สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผอ.โรงพยาบาลยันฮี เปิดเผยนโยบายโรงพยาบาลช่วงกระแสเศรษฐกิจในขณะนี้ว่า โรงพยาบาลยังคงนโยบายและวิสัยทัศน์การเป็นโรงพยาบาลเพื่อสุขภาพและความงามอย่างครบวงจร ให้การรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์มายาวนาน จนเป็นที่ยอมรับจากลูกค้าทั้งจากในและต่างประเทศ
" ปัจจุบันนี้ เราพบว่า ลูกค้าคนไทยที่เคยไปทำศัลยกรรมต่างประเทศ เริ่มหันมาให้ความเชื่อถือฝีมือแพทย์ไทยเพิ่มมากขึ้น จากสถิติการมาทำศัลยกรรมความงามของโรงพยาบาล เราพบว่า ผู้มารับบริการที่เคยไปผ่าตัดเสริมความงามจากต่างประเทศ หันมาใช้บริการกับแพทย์ไทยมากขึ้น ซึ่งจากผลการวิเคราะห์ เราพบว่า แพทย์ไทยเรามีจุดเด่นมากมายทั้งในด้านฝีมือที่มีความประณีต สวยงาม มีทักษะความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน ในขณะที่สถานพยาบาล ก็ได้เปรียบทั้งในแง่สถานที่ที่โอ่โถง กว้างขวาง สะอาด ปลอดภัย มีเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย มีเทคนิคการผ่าตัดต่างๆ ที่ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ช่วยลดระยะเวลาการผ่าตัดได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ เพราะแพทย์ไทยจะมีความเชี่ยวชาญด้านสรีระ-โครงสร้างร่างกายของคนไทยนั่นเอง " นพ.สุพจน์ กล่าว
นพ.สุพจน์ กล่าวว่า ผลงานที่ชัดเจนของโรงพยาบาล ดังจะเห็นได้จากที่ผู้รับบริการได้มอบความไว้วางใจ โดยมาผ่าตัดรักษาในศูนย์การรักษาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง, ศูนย์แปลงเพศ, ศูนย์หัวใจ, ศูนย์อายุรกรรม, ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ, ศูนย์สูตินรีเวช, ศูนย์กุมารเวช เป็นต้น และเชื่อมั่นว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง รพ.ยันฮี น่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 % ซึ่งส่งผลมาจากที่ประชาชนคนไทย ได้รับวัคซีนกันมากขึ้น การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะถูกควบคุมได้มากขึ้น และนโยบายในภาครัฐต่างๆ ที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในภาครัฐมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
นอกจากนั้น ทางรพ.ยังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์เศรษฐกิจ และช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้รับบริการ โดยมอบส่วนลด 10-50 % ในศูนย์การรักษาต่างๆ ตามเงื่อนไขที่รพ.ที่กำหนด เช่น ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง ศูนย์ผิวหนังและเลเซอร์ ศูนย์ทันตกรรม ศูนย์จุดซ่อนเร้น ฯลฯ และที่สำคัญ ทางโรงพยาบาลยังได้ Support ค่าตรวจโควิด-19 ตามใบเสร็จจริงสูงสุดถึง 3,000 บาท สำหรับผู้รับบริการที่มียอดค่ารักษาตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป
สำหรับแผนการพัฒนางานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ได้พุ่งเป้าการพัฒนาไปที่ศูนย์แปลงเพศ โดยจะทำเป็นศูนย์ความหลากหลายทางเพศอย่างครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงหรือหญิงเป็นชาย โดยมีแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์การแปลงเพศมาช่วยผลักดันให้เป็นศูนย์ที่มีมาตรฐานการรักษาระดับสากล ซึ่งตอนนี้ โรงพยาบาลได้รับแพทย์ฝีมือดีด้านการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงมาร่วมงาน คือ นพ.วรพล รัตนเลิศ ซึ่งท่านเป็นสมาชิกแพทยสภาแห่งประเทศไทย, สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทยและสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย
นพ.สุพจน์ กล่าวเสริมว่า แม้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางโรงพยาบาลก็ยังเปิดให้บริการเช่นเดิม มุ่งเน้นความเข้มงวดและความปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ที่เข้ามารับบริการในโรงพยาบาล มีการคัดกรองสอบถามผู้ที่มารับบริการทุกราย มีการฉีดพ่นแอลกอฮอล์บริเวณพื้นที่นั่งโดยรอบ การเว้นระยะห่างในการรับบริการ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่ จะได้รับความชื่นชมว่า เป็นโรงพยาบาลหนึ่งที่มีมาตรฐานในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและมีความปลอดภัยสูง