"บมจ.เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว" หรือ SECURE พร้อมขายไอพีโอ จำนวน 27.74 ล้านหุ้น เตรียมระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในไตรมาส 3/64 และแต่งตั้ง บล.หยวนต้าฯ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ฟาก "นักรบ เนียมนามธรรม " ซีอีโอ เผยนำเงินสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค ลงทุนเพื่อวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ และใช้เป็นทุนหมุนเวียน ชูจุดเด่นเป็นหุ้นไอพีโอน้องใหม่ในธุรกิจ Cyber security รายแรกที่ระดมทุนในตลาดหุ้น
นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด(มหาชน) หรือ SECURE ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ (Cyber security) และให้บริการที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมในทุกๆ ด้านโดยมีแผนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 27.74 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 27.0 ของทุนจดทะเบียน ก่อนการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ และได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้สร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค (Technical Support Center), การลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์(Cyber security),การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
"การตัดสินใจระดมทุน และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจมีโอกาสในการขยายการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อผนึกเข้ากับผลประกอบการที่เติบโต เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากการที่องค์กรต่างๆที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล โดยเฉพาะจากแผนการบังคับใช้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่คาดว่าจะมีผลบังคับในปี 2565 ส่งผลให้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต รวมทั้งจะทำให้มีโอกาสรับงานโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น ขณะเดียวกันได้เพิ่มศักยภาพการพัฒนาองค์กรผ่านการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และพันธมิตรต่างๆ รวมถึงการขยายธุรกิจในต่างประเทศอีกด้วย"นายนักรบกล่าว
สำหรับการลงทุนในอนาคต บริษัทฯ มีแผนสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค และขยายทีมบุคลากรในฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้กับลูกค้า และใช้ในการสาธิตการทำงานของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้ ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ และสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งมีแผนลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และซอฟต์แวร์ด้าน Cyber security ที่จะช่วยในการเชื่อมต่อโซลูชั่นของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่าย เข้ากับระบบต่างๆ ของลูกค้า และอาจมีการร่วมมือกับบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์ เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขายซอฟท์แวร์ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (White Label) ตลอดจนการซื้อทรัพย์สินทางปัญญาจากบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์
ด้านนายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SECURE เป็นบริษัทที่มีความน่าสนใจในการลงทุนอย่างมาก เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีมาโดยตลอดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และจุดเด่นที่สำคัญคือ มีความเชี่ยวชาญอย่างสูงในด้าน Cyber security ผสานกับความเข้าใจในความต้องการของตลาด รวมถึงการมีโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าหลายกลุ่ม อาทิ ภาครัฐ สถาบันการศึกษา สาธารณสุข สถาบันการเงิน กลุ่มผู้ให้บริการ และกลุ่มองค์กรธุรกิจ จึงถือเป็นอีกบริษัทที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับการลงทุน ขณะที่แนวโน้มในอนาคตที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก ตามการขยายตัวของโลกยุคดิจิทัล ที่มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มความซับซ้อนทางด้านเทคนิคที่มีผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นได้ภายในไตรมาส 3/2564
สำหรับผลประกอบการย้อนหลังในช่วง 3 ปี (2561-2563) ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 575.70 ล้านบาท 650.78 และ 639.14 ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิจำนวน 69.46 ล้านบาท 58.42 ล้านบาท และ 23.73 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 52.97 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 105.94 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 37.50 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 75 ล้านหุ้น โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทฯจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 51.37 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 102.74 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท