SINGER ได้รับคัดเลือกเป็นหลักทรัพย์เข้าใหม่ในดัชนี SET 100 ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 สะท้อนผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาเติบโตก้าวกระโดด แย้มแผนขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อรถทำเงินเดินหน้าตามเป้า หนุนพอร์ตขยายได้ถึง 10,000 ล้านบาทแน่นอน
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีประกาศให้ SINGER เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับคัดเลือกเป็นหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนี SET100 ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 (1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2564 ) โดยการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนีดังกล่าวนี้จะดำเนินการทุกครึ่งปี โดยยึดและเป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด สะท้อนผลการดำเนินงานของ SINGER ที่เติบโตแข็งแกร่ง และได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน
โดยภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาของ SINGER ถือได้ว่ามีการเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน และก้าวกระโดด จากกำไรสุทธิในปี 2562 อยู่ที่ 165.9 ล้านบาท และในปี 2563 อยู่ที่ 443.3 ล้านบาท ขณะที่ล่าสุดในไตรมาส 1/2564 มีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสอีกครั้งอยู่ที่ 140.1 ล้านบาท จากการปรับทัพองค์กรและการบริหารจัดการภายใน เพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire purchase) และพอร์ตสินเชื่อรถทำเงิน (C4C) เป็นผู้นำตลาดที่เข้มแข็งด้วยทีมขายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
และในปีนี้ แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิดระลอกใหม่ แต่พอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ ยังขยายตัวต่อเนื่อง จากการมีจำนวนพนักงานขายและเครือข่ายสาขาย่อยของซิงเกอร์แฟรนไชส์เพิ่มขึ้น โดยพอร์ตสินเชื่อ ณ ไตรมาส 1/2564 (สิ้นมีนาคม 2564) อยู่ที่ 7,516 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/2564 ยังเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลของสินค้ากลุ่มเครื่องปรับอากาศ และสินค้าเชิงพาณิชย์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนให้ทั้งปีพอร์ตสินเชื่อจะสามารถเติบโตแตะ 10,000 ล้านบาทตามที่วางไว้ วางเป้าหมายรายได้รวมทั้งปี 2564 คาดจะเติบโต 25% จากปีก่อนอยู่ที่ 3,658.4 ล้านบาท ส่วนกำไรแข็งแกร่งไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
"บริษัทขอขอบคุณตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ได้คัดเลือกให้ SINGER เข้าคำนวณดัชนี SET 100 สะท้อนการทำงานของทีมผู้บริหารที่มุ่งมั่นผลักดันธุรกิจเพื่อให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ และเราจะไม่หยุดนิ่งในการเติบโต จากกลยุทธ์การขยายทีมขาย การขยายพอร์ตสินเชื่อ รวมทั้งการเข้าสู่ธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัย พร้อมผลักดันบริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด หรือ SGC ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้าอย่างแน่นอน บริษัทจะเติบโตไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง" นายกิตติพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย