สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล คัดสุดยอดสินค้าดี สินค้าเด่นของไทย ร่วมจัดแสดงที่อาคารแสดงประเทศไทยในงาน "เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ" ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อแสดงศักยภาพของสินค้าไทยสู่สายตาชาวโลก พร้อมเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าสู่ตลาดตะวันออกกลางและประเทศอื่น ๆ แก่ผู้ประกอบการไทย
ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา ดีป้า ริเริ่มโครงการคัดเลือกสุดยอดสินค้าดี สินค้าเด่นของไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs มีโอกาสเปิดตลาดใหม่ในแถบตะวันออกกลาง เพราะผู้เข้าชมงานกว่าร้อยละ 74 เป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักของตลาดดูไบและตะวันออกกลาง โดยจะนำสินค้าไปจำหน่ายและแจกเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับผู้เข้าชมอาคารแสดงประเทศไทยในงาน "เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ" ซึ่งโครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพและได้รับมาตรฐานการส่งออกจำนวนกว่า 200 ราย
"ปัจจุบัน เราได้ทำการคัดเลือกสุดยอดสินค้าไทยที่ผ่านหลักเกณฑ์และมาตรฐานด้านความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ เป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย และมีเอกสารรับรองสำหรับการส่งออกครบถ้วนแล้ว จำนวน 250 รายการ โดยแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มผลิตภัณฑ์หัตถกรรมฝีมือคนไทย 2. กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สปา และเครื่องสำอาง 3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของที่ระลึก 4. กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ และ 5. กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานและเครื่องดื่ม" ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว
สำหรับสุดยอดสินค้าจากโครงการสินค้าดี สินค้าเด่นของไทยทั้งหมด รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงจะจัดจำหน่ายบริเวณชั้นล่างของอาคารแสดงประเทศไทย ณ ร้านของที่ระลึก "Thai Souk" โดย Souk ในภาษาอารบิกแปลว่า "ตลาด" และออกเสียงคล้าย "ความสุข" ในภาษาไทย ดังนั้น Thai Souk จึงหมายความถึงตลาดที่ส่งมอบความสุขด้วย 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์อันเลื่องชื่อของประเทศไทย โดย ดีป้า ได้คัดเลือก บริษัท เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด บริษัทของคนไทยที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญด้านการจัดแสดงสินค้าในประเทศแถบตะวันออกกลางบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าว
ด้าน นายอัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด ในฐานะ รองประธานสภาธุรกิจไทยในดูไบและรัฐตอนเหนือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาคารแสดงประเทศไทยในครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในนามประเทศไทย และยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำเสนอสินค้าและบริการของผู้ประกอบการไทยในเวทีระดับโลก โดยมีทั้งสินค้าที่เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลางอยู่แล้ว อาทิ อัญมณีเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ไม้ อาหารทะเลแปรรูป รวมถึงสินค้าใหม่ที่มีโอกาสสร้างตลาดในดูไบและตะวันออกกลาง เช่น งานหัตถกรรมฝีมือคนไทย สินค้าเพื่อสุขภาพ สปาและเครื่องสำอาง สินค้าของที่ระลึก และอาหารพร้อมรับประทานและเครื่องดื่ม
"สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ มีเมืองดูไบเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการค้า สามารถเชื่อมต่อการเดินทางทั้งทางบกและอากาศ ต่อเนื่องถึงทวีปแอฟริกาและยุโรป จากการที่ดูไบได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ ในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการก่อสร้างสาธารณูปโภค และเกิดการจ้างงานจำนวนมาก โดยสินค้าและบริการของประเทศไทยยังคงได้รับความนิยมและชื่นชอบจากชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพราะคุณภาพดี ราคาไม่แพง อีกทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าสุขภาพเป็นจำนวนมาก จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะใช้งานนี้แสดงศักยภาพสินค้าไทยที่มีคุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่าสากล ซึ่งมั่นใจว่า สินค้าของไทยจะได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก" นายอัครวุฒิ กล่าว
งานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 - 31 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายใต้แนวคิด "เชื่อมความคิด สร้างอนาคต: CONNECTING MINDS, CREATING THE FUTURE" เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นต่อไป และส่งสัญญาณต่อให้ทุกคนร่วมใจกันพัฒนาโลก ภายใต้ 3 หัวข้อย่อย ได้แก่ 1. โอกาส (Opportunity) 2.การขับเคลื่อน (Mobility) และ 3.ความยั่งยืน (Sustainability)
สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและร่วมภูมิใจกับอาคารแสดงประเทศไทยที่ Facebook, Instagram และ YouTube: Expo2020DubaiThailand หรือ https://expo2020dubaithailand.com