จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ขอเดินหน้าเป็นส่วนหนึ่งเพื่อพลิกฟื้นวิกฤตของประเทศอย่างเต็มกำลัง งานนี้ CEO "ณัฐนัย อนันตรัมพร" ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่าย ติดตั้งโครงข่าย และให้บริการพื้นที่ศูนย์สำรองข้อมูลหรือ Data Center ลุยเดินหน้าหารือกับลูกค้าและพันธมิตร เพื่อตอบโจทย์ออเดอร์ New S-Curve ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเต็มโครงข่ายให้ลูกค้าสามารถ Work From Home ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) เผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่นี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าให้บริการโครงข่ายและติดตั้งโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง หลังภาครัฐและภาคเอกชนแต่ละแห่งเข้าสู่โหมดการลงทุนรอบใหม่ สอดรับเป้ารายได้ปี 2564 โต 20% หรือที่ 2,800 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมยืนหยัดที่จะดูแลลูกค้าให้สามารถใช้งานโครงข่ายได้อย่างไม่สะดุดและมีเสถียรภาพสูงสุดในทุกกรณี เร่งเดินหน้าเป็นส่วนหนึ่งเพื่อพลิกฟื้นวิกฤตของประเทศ โดยบริษัทฯ ได้เพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายให้กับลูกค้าทุกรายของบริษัทฯ โดยเบื้องต้นบริษัทฯ พิจารณาที่จะเพิ่มขนาดช่องสัญญาณให้กับลูกค้าทุกรายมากขึ้นเพื่อรองรับปริมาณการใช้งานอันอาจจะเกิดสูงขึ้น และรองรับการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันจากการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ทำให้ความต้องการใช้ระบบออนไลน์เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดการเข้าใช้งานพร้อมๆ กัน ทั้งนี้การเพิ่มขนาดช่องสัญญาณจะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในเรื่องโครงข่ายไปได้ อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้เตรียมความพร้อมในกรณีต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องบังคับใช้แผนสำรองทางธุรกิจ (BCP) โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญถึง 1. การแยกผู้ปฏิบัติงานออกเป็น 3 กลุ่มและทำงานสลับวันกันตามความเหมาะสม เพื่อให้สามารถคัดแยกผู้ต้องสงสัยหรือติดเชื้อดังกล่าวออกจากกลุ่มหลัก ได้อย่างชัดเจน และยังสามารถมีทีมงานกลุ่มอื่นทำงานทดแทนได้ 2. กรณีการซ่อมบำรุง และแก้ไข โครงข่ายโทรคมนาคม บริษัทฯ ได้จัดเตรียมเอกสารรับรอง"ความจำเป็น"สำหรับบริการลูกคำในการเข้าพื้นที่ควบคุม และพนักงานที่เข้าไปยังพื้นที่เสี่ยง จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายสารารณสุขอย่างเคร่งครัด และมีมาตรการตรวจสอบจากบริษัทฯ อย่างใกล้ชิด 3.จัดเตรียมและจัดหาอุปกรณ์ IT ที่จะช่วยให้การทำงานสามารถทำได้จากทุกๆที่ในทุกๆ ระบบ เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน 4. จัดเตรียมทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเฝ้าระวังดูแลโครงข่ายและการบริการให้กับลูกค้า ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น เพื่อให้ลูกค้ายังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องหากมีเหตุฉุกเฉินใดๆ เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่มีผลกระทบต่อการเดินหน้าลุยงาน ด้าน Big Data และ Security ตามแผน New S-Curve ของบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงลุยหารือพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง หลังจากนี้ทาง ITEL จะมีโครงการต่าง ๆ ที่เป็น New S-Curve ของบริษัทฯ ออกมา โดยเฉพาะโครงการ Anti-Drone ที่ลูกค้าเริ่มมีความสนใจ และจะเป็นอีกก้าวในการต่อยอดธุรกิจให้การเติบโตในระยาวต่อไป รวมไปถึงธุรกิจ Social Data & Social Analytic เพื่อใช้สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียล และดูพฤติกรรมผู้บริโภค ธุรกิจ Security Analytics เพื่อดูแลด้านความปลอดภัยอย่างครบวงจร และธุรกิจ Tele of Everything เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะภาวะปัจจุบันที่มีความต้องการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นสูงอย่ารวดเร็ว สามารถสร้างรายได้ใหม่ให้กับบริษัทฯ ในอนาคต ซึ่งมั่นใจว่าจะเติบโตได้ก้าวกระโดด และต่อเนื่องในอีก 3-5 ปีข้างหน้า"นายณัฐนัย กล่าว
บริษัทฯ มองว่าการขยายความช่วยเหลือในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการช่วยทั้งลูกค้าและพันธมิตรที่ทำงานร่วมกับบริษัทฯ ที่สำคัญที่สุดคือการส่งต่อความช่วยเหลือในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกฟื้นวิกฤตของประเทศ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปด้วยกัน เพื่อให้คนไทยทุกคนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว รวมไปถึงทำให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถเดินหน้าได้ต่อไป