STECH เปิดเทรดวันแรกบนกระดาน SET 3.54 บาท เหนือจอง 27.34% ผู้บริหารสั่งลุยเดินหน้าต่อ เงินระดมทุนปูทางรับเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐ คาดสิ้นปีมีโรงงาน 10 แห่ง ครอบคลุมภาคกลาง เหนือ อีสาน และตะวันออก หนุนกำลังการผลิตเพิ่ม พร้อม Backlog ในมือแน่น ดันเป้ารายได้โตทะลุ 20%
นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การต้อนรับหุ้น STECH อย่างอบอุ่นในการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยราคาเปิดการซื้อขายวันแรกที่ราคา 3.54 บาท เหนือจอง 27.34% จากราคาไอพีโอ 2.78 บาท ย้ำความเชื่อมั่นหุ้นคอนกรีตอัดแรงรายใหญ่ของประเทศ โดยนับจากนี้ เมื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ต่อยอดธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ โดยเฉพาะแผนการขยายงานเสาเข็มและคอนกรีตอัดแรง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท และมีความจำเป็นสำหรับใช้ในงานก่อสร้างในทุกโครงการ รองรับโอกาสในการเข้าประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานและงานสาธารณูปโภคของประเทศ
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน STECH มีโรงงาน 9 แห่ง ทั้งในโซนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในไตรมาส 4/2564 แผนก่อสร้างโรงงานที่ชลบุรี แห่งที่ 2 จะแล้วเสร็จ เป็นโอกาสสนับสนุนให้ STECH รับงานโซน EEC ได้ทันที รวมถึงการปรับปรุงกำลังการผลิตในโรงงานเดิม จะทำให้ STECH มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกราว 30% และสนับสนุนให้ภาพรวมผลประกอบการเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,550.33 ล้านบาท กำไรสุทธิ 140.60 ล้านบาท
"โดยปกติ STECH มีอัตราการเติบโตแบบ Organic Growth 10% แต่ปีนี้ ด้วยงานในมือ (Backlog) อยู่ในระดับสูง เกินเป้าหมายที่ประมาณการ และปัจจัยบวกจากการขยายโรงงาน สนับสนุนให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น จึงตั้งเป้าหมายรายได้จะเติบโตจากปีก่อนราว 20% ได้" นายวัฒน์ชัย กล่าว
ทั้งนี้ ในโอกาสสำคัญของบริษัทฯ ทีมผู้บริหาร ตลอดจนพนักงาน ได้แสดงความห่วงใยภายใต้สถานการณ์โควิดที่มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น จึงร่วมสมทบทุนมอบชุด PPE จำนวน 1,700 ชุด และหน้ากาก N95 จำนวน 4,000 ชิ้น ช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์โควิด และเตรียมส่งมอบให้โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
ด้าน นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า STECH เปิดการซื้อขายวันแรกได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างอบอุ่น และมั่นใจว่า ด้วยแผนการเติบโตอย่างชัดเจน จะทำให้ STECH เป็นอีกหุ้นน้องใหม่แบบ Growth Stock ที่อยู่ในใจนักลงทุนในระยะยาวได้ สะท้อนจากกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และ ปัจจุบัน มีงานที่อยู่ระหว่างรอประมูลราว 10 โครงการ มูลค่ากว่าแสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนของงานเสาเข็มประมาณ 8-10% สนับสนุนให้ STECH มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการเหล่านี้ เนื่องจากจุดแข็งมีโรงงานกระจายทั่วประเทศ
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ - ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า อีกจุดแข็งสำคัญ STECH ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และมีคุณภาพ ทำให้กลุ่มลูกค้าได้รับความไว้วางใจ โดยกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มลูกค้าผู้รับเหมาก่อสร้างราว 70% การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคราว 15% ส่วนที่เหลือ เป็นกลุ่มเจ้าของโครงการ เช่น CP PTT โรบินสัน และ น้ำตาลมิตรผล เป็นต้น
นอกจากนี้ ลักษณะงานของบริษัทฯ เกี่ยวข้องกับภาครัฐเป็นหลักราว 80% และในอนาคตคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงเพราะโครงการก่อสร้างส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดยภาครัฐ ขณะที่ภาคเอกชนก็จะยังคงไม่ได้หยุดนิ่ง เตรียมพร้อมขยายตัวตามการเติบโตของสาธารณูปโภคในอนาคต
นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวเสริมอีกว่า STECH เป็นหุ้นที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง คาดรายได้หลักจะมีแนวโน้มเติบโตจากการประมูลงานใหม่ที่มีศักยภาพในการทำกำไร ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในภาวะที่งานในมือเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง โดย ณ ไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มี D/E ที่ระดับ 1.4 เท่า หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ จะสนับสนุนให้ D/E ลดลง หรือต่ำกว่า 1 เท่า พร้อมที่จะขยายโอกาสจากงานเมกะโปรเจ็กต์ที่จะทยอยออกมาจำนวนมาก สำหรับปี 2565 มองว่าจะเป็นปีที่มีปัจจัยบวกเร่งการเติบโต จากการได้รับประโยชน์ในกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นแบบเต็มปี และสภาวะเศรษฐกิจที่จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการลงทุนภาครัฐ จึงมั่นใจว่า STECH จะเป็นหุ้นที่เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคตได้
สำหรับ บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงภายใต้เครื่องหมายการค้า "STEC" ได้แก่ เสาเข็ม เสาไฟฟ้า เป็นต้น และให้บริการขนส่งผลิตภัณฑ์และบริการตอกเสาเข็ม รวมทั้งให้บริการรับเหมาก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของบริษัท เข้าจดทะเบียนในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง เริ่มเข้าทำการซื้อขายในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 ในตลาด SET โดยใช้ชื่อย่อ STECH โดยจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับ ตลท. 725 ล้านหุ้น เป็นหุ้น IPO จำนวน 203.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1.00 บาทต่อหุ้น
โดย STECH ราคาเปิดการซื้อขายวันแรกที่ราคา 3.54 บาท เพิ่มขึ้น 27.34% จากราคาไอพีโอ 2.78 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสูดที่ 3.72 บาท และเมื่อตลาดปิดราคาหุ้นอยู่ที่ 3.28 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 17.99% มูลค่าซื้อขาย 2,495.78 ล้านบาท