คาด Q3 ผลประกอบการยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากปริมาณน้ำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในฤดูฝน และการรับรู้กำไรจากการถือหุ้นเพิ่มใน 'ไซยะบุรี พาวเวอร์'
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKPower) ชื่อย่อหลักทรัพย์ "CKP" เปิดเผยผลการดำเนินงานของกลุ่ม CKPower ในไตรมาสที่ 2/2564 และครึ่งปีแรกของปี 2564 ว่า CKPower มีกำไรโตต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ 707.0 ล้านบาท เติบโตขึ้น 801.9 ล้านบาท หรือ 845.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ขาดทุน 94.9 ล้านบาท และมีรายได้รวม 2,295.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 464.0 ล้านบาท หรือ 25.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,831.2 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 CKPower มีกำไรสุทธิ 821.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่ขาดทุน 434.4 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมในช่วงครึ่งปีแรก 4,396.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 803.1 ล้านบาท หรือ 22.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,593.1 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 (NN2) ซึ่งในไตรมาส 2 มีรายได้ 956.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 563.5 ล้านบาท หรือ 143.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ในครึ่งปีแรกปีนี้มีรายได้ 1,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 946.4 ล้านบาท หรือ 123.1% ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว มาจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในปีนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีปริมาณน้ำสะสม ณ ต้นปี 2564 สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี (XPCL) เพิ่มขึ้น 616.9 ล้านบาท หรือ 626.3% YoY ในไตรมาส 2/2564 และเพิ่มขึ้น 915.6 ล้านบาท หรือ 208.5% YoY ในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีสาเหตุหลัก มาจากปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าไซยะบุรีเฉลี่ยที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับ XPCL มีค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและการทยอยชำระคืนเงินต้น
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า นอกจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งแล้ว เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 บริษัทฯ ได้มีการออกหุ้นกู้จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดในไตรมาส 2 ปี 2564 ซื้อสินทรัพย์หรือลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ โดยได้รับการจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ที่อันดับ "A-" แนวโน้ม "คงที่" โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และวันที่ 29 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ ได้ทำการชำระเงินค่าหุ้น XPCL ที่บริษัทฯซื้อเพิ่มร้อยละ 5 ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นใน XPCL ของบริษัทฯเพิ่มขึ้นจาก 37.5% เป็น 42.5% ตามที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 โดยใช้วงเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 1,800 ล้านบาทในการชำระค่าหุ้นดังกล่าว
ทั้งนี้ในไตรมาส 3/2564 คาดว่า CKPower จะมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง จากปริมาณการผลิตไฟฟ้าของ NN2 และ XPCL ที่คาดว่าจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และปริมาณน้ำที่ไหลผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี สามารถเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และที่สำคัญ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ XPCL เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น 5% ในไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไปอีกด้วย
"ขณะนี้ CKPower อยู่ระหว่างเตรียมการในการออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนการเบิกวงเงินกู้ระยะสั้นที่ใช้ชำระค่าหุ้นส่วนที่มีการซื้อเพิ่มของ XPCL และคาดว่าจะออกเสนอขายหุ้นกู้ได้ในไตรมาส 4 นี้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดอันดับเครดิตของ XPCL ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เพื่อรองรับแผนการออกหุ้นกู้ในปี 2565" นายธนวัฒน์กล่าว
ในส่วนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน ไม่มีผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่งของ CKPower เนื่องจากบริษัทได้จัดเตรียมแผนเพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan: BCP) สำหรับรองรับต่อสถานการณ์และเป็นการบริหารความเสี่ยงที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทไว้อย่างรอบคอบ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มอบเงินสนับสนุนการบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2,000,000 บาท ให้แก่มูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) และมอบอุปกรณ์ที่จำเป็นให้แก่ศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง สำนักอนามัยกรุงเทพ เพื่อสนับสนุนการให้บริการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน รวมทั้งมอบเจลแอลกอฮอล์ให้แก่ชุมชนรอบโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าในเครือของ CKPower อีกด้วย นายธนวัฒน์กล่าวเสริม
ข้อมูลเกี่ยวกับ CKPower: บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย (1) โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 42.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ (2) โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และ (3) โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์