บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง' หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย โชว์ผลดำเนินงานไตรมาส 2/2564 พอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 7,649 ล้านบาท เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ จากการขยายสาขาใหม่ได้เร็วกว่าแผน และบริหารควบคุมหนี้ NPLs อยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงวิกฤต Covid- 19 ด้านผู้บริหาร SAK ประกาศยืนเคียงข้างประชาชน ปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการสร้างอาชีพ มั่นใจทั้งปีพอร์ตสินเชื่อแตะ 8,400 ล้านบาท
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ 'ศักดิ์สยามลิสซิ่ง' เปิดเผยว่า จากปัจจัยการแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวลง และกระทบต่อประชาชนที่ขาดแคลนเงินทุนในการประกอบอาชีพ SAK ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนและเข้าใจในความต้องการของประชาชนที่ต้องการสินเชื่อ เพื่อนำไปใช้หมุนเวียนในชีวิตประจำวันหรือนำไปลงทุนประกอบอาชีพเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว บริษัทฯ ได้ยึดมั่นการปล่อยสินเชื่อที่เป็นธรรม เข้าใจ เข้าถึงประชาชน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนในไตรมาส 2/2564 (เมษายน-มิถุนายน) พอร์ตสินเชื่อรวม 7,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมครึ่งปีแรกของปี 2564 (มกราคม - มิถุนายน) SAK ได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนไปแล้วกว่า 1,243.4 ล้านบาท คิดเป็น 91.1% จากเป้าหมายการขยายพอร์ตสินเชื่อทั้งปี 8,400 ล้านบาท
ทั้งนี้ การดำเนินงานที่เข้มแข็งมาจากขีดความสามารถการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการสินเชื่อ จากแผนขยายสาขาครบ 200 แห่ง ได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้ รวมถึงบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ แม้ที่ผ่านมา บริษัทฯ จะมีมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากการแพร่ระบาดโควิด 19 ก็ตาม โดยยังคงบริหารควบคุมหนี้ NPLs อยู่ในระดับ 2-2.5% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ทำได้ 137.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 18.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.5% เมื่อเทียบไตรมาส 1/2564 ที่ทำกำไรสุทธิ 118.6 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2564) มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 255.7 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ที่ปัจจัยลบ Covid-19 บริษัทฯ มีความห่วงใยและเข้าใจประชาชนที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก โดย SAK พร้อมนำศักยภาพการดำเนินงานในทุกมิติและฐานทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพและหมุนเวียนในด้านต่างๆ ซึ่งการขยายได้เร็วกว่าแผนทำให้มีโอกาสในการเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเร็วขึ้น ขณะที่มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายในการเปิดที่ทำการใหม่แล้วในครึ่งปีแรก ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ที่บริษัทฯ จะนำประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปี ที่มีความเชี่ยวชาญการจัดเก็บหนี้ ด้วยหลักปฏิบัติที่เป็นธรรม เป็นมิตรและเข้าใจลูกค้า โดยไม่มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมค่าทวงถามหนี้จากการผิดนัดชำระมาอย่างยาวนาน ดังนั้น การเข้ามากำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่อง การลดค่าติดตามทวงถาม จึงไม่ผลกระทบต่อการดำเนินการของบริษัทฯ แต่อย่างใด
"เรามีความเข้าใจในความเดือดร้อนของประชาชนที่รับผลกระทบ Covid -19 และพร้อมยืนเคียงข้างในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อนำไปประกอบอาชีพให้แก่ลูกค้า ด้วยความเป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง โดยที่ผ่านมาเราได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเร่งด่วน ทั้งการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้นานขึ้น การลดค่างวด คิดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อยละ 22 ต่อปี เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดโดยให้การช่วยเหลือประมาณ 1.9% ของพอร์ตสินเชื่อ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ที่ต้องการนำไปประกอบอาชีพ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้พอร์ตสินเชื่อของเราจะอยู่ที่ 8,400ล้านบาท" นายศิวพงศ์ กล่าว