"เอกา โกลบอล" ผู้นำเทรนด์บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร เติบโตไม่หยุด เตรียมขยายไลน์การผลิตใหม่ เพิ่มอีก 350 ล้านชิ้นต่อปี หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 15% รับออเดอร์ในไทยและต่างประเทศที่เข้ามามากจนล้นกำลังการผลิตปัจจุบัน เตรียมติดตั้งเครื่องจักรให้แล้วเสร็จพร้อมผลิตภายในเดือนกันยายนนี้ พร้อมเดินหน้ายกระดับสู่องค์กรสีเขียว ผุดโมเดลธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy เพื่อส่งเสริมการลดปริมาณขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน พร้อมทุ่มงบวิจัย R&D บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 350 ล้านชิ้นต่อปี หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 15% จากกำลังการผลิตเดิม 2,500 ล้านชิ้นต่อปี โดยสายการผลิตใหม่นับเป็นสายการผลิตลำดับที่ 10 เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงสู่วิถีชีวิตรูปแบบใหม่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง
"โควิด ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตใหม่อย่างรวดเร็วขึ้น วันนี้ทั่วโลกมีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารมากขึ้น เพราะตอบโจทย์ผู้บริโภคสำหรับยุคโควิดมากที่สุด ด้วยบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารนั้นช่วยเพิ่มความปลอดภัย และเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคที่ต้องอยู่บ้าน หรือ กักตัวนาน ๆ โดยความต้องการผู้บริโภคเพิ่มขึ้นชัดเจนอย่างมีนัยยะในทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย และไทย ฯลฯ ซึ่งบริษัทฯ ได้ใช้กำลังการผลิตเต็ม 100% มานานแล้ว และขณะนี้คำสั่งซื้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ" นายชัยวัฒน์ กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งเครื่องจักร ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม และจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป โดยจะทำให้ เอกา โกลบอล มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารจากเดิม 2,500 ล้านชิ้นต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 2,850 ล้านชิ้นต่อปี
นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2564 เอกา โกลบอล ตั้งเป้าหมายจะเป็นองค์กรผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร และยกระดับสู่องค์กรที่มีนโยบายดูแลรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนถึงการกำหนดนโยบายบริหารจัดการขยะแบบครบวงจร 360 องศา อย่างสมบูรณ์ ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อมุ่งสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนระยะยาว (Sustainable Growth) ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญด้านการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการลดปริมาณขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน
ทางด้านการผลิตสินค้า บรรจุภัณฑ์พลาสติกยืดอายุอาหารของเอกา โกลบอล ปัจจุบันสามารถใช้ซ้ำได้ 100% แต่บริษัทฯ ได้เพิ่มระดับงานวิจัยสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เข้มข้นมากขึ้น เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติกยืดอายุอาหารที่ผลิตจากพืชแทนน้ำมัน เป็นต้น เพื่อรองรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล (New Normal) ที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในอนาคต
"ปีนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับ Circular Economy เพราะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้โลกไม่มีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุใดก็ตาม การทำ Circular Economy เป็นการนำผลิตภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ โดยไม่จำเป็นจะต้องเอากลับมาใช้ในรูปแบบเดิม แต่อาจกลับมาในรูปแบบอื่น ๆ เช่น น้ำมัน เป็นต้น ปีนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มต้นนำแนวคิด Circular Economy มาจัดทำนโยบาย และวางแผนแนวทางปฏิบัติในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่ม ตั้งแต่การจัดการภายในองค์กร การทำ R&D ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรามุ่งมั่นจะดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ มีการกำหนด Business Model รองรับเพื่อทำให้ขยะพลาสติกมีมูลค่าขึ้น ทำแบบครบวงจรเพื่อไม่ให้มีพลาสติกเล็ดลอดออกไปทำลายสิ่งแวดล้อมได้ และจะขยายผลแนวคิดการดูแลรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้เข้าไปอยู่ในทุกกระบวนการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม และมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาการจัดการขยะพลาสติกในไทยได้อย่างยั่งยืน" นายชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย