บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) ปิดงบไตรมาส 2/64 รายได้ 263 ล้านบาท กำไรสุทธิ 39.7 ล้านบาท โดยได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทอ่อนค่า บริษัทย่อยจึงต้องตั้งสำรองขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 73 ล้านบาท "ยุทธ ชินสุภัคกุล" บิ๊กบอส EP มั่นใจแนวโน้มผลงานในช่วงครึ่งหลังปี 64 โตทะยานตามนัด หลังเข้าถือหุ้นโรงไฟฟ้า Co-gen และไอน้ำเพิ่ม หนุนรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 800 ล้านบาท/ไตรมาส ตามสัดส่วนการถือหุ้น ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามกำลังการผลิต 160 MW จ่อ COD ภายในไตรมาส 4/64 ตามแผน ฟากธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับอาหารและประเภทกล่องลูกฟูกเติบโตร้อยละ 52.3
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) เปิดเผยว่า ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากโครงสร้างธุรกิจที่มีทั้งการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า Co-gen และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 160 MW รวมไปถึงธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับอาหารและประเภทกล่องลูกฟูกธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ที่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รับกระแส New Normal ซึ่งทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการสั่งซื้อสินค้าผ่าน E-Commerce มากขึ้น ส่งผลดีกับธุรกิจของบริษัทฯ
"ภาพรวมธุรกิจของ EP ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจาก "อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น หรือ E-COGEN" ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EP ได้เข้าลงทุนเพิ่มใน PPTC จำนวนทั้งสิ้น 50.70% และ SSUT จำนวนทั้งสิ้น 80.96% ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับบริษัทฯ คือทำให้มีอำนาจควบคุมในการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าระบบพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) โดยบริษัทฯ จะมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อส่งเสริมให้บริษัทฯ มีกำไรมั่นคงและต่อเนื่องในอนาคต รวมทั้ง EP จะสามารถรับรู้ผลการดำเนินงานในงบการเงินรวมได้จากการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 50"
SSUT เป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ระบบพลังงานความร้อนร่วม (Cogeneration) กำลังการผลิตสูงสุดรวมประมาณ 240 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย 2 หน่วยการผลิต กำลังการผลิตหน่วยละ 120 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตสูงสุดประมาณ 60 ตันต่อชั่วโมง ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ส่วน PPTC เป็น SPP ระบบ Cogeneration กำลังการผลิตสูงสุดรวมประมาณ 120 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตสูงสุดรวมประมาณ 30 ตันต่อชั่วโมง ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 160 เมกะวัตต์ของบริษัทย่อยทางอ้อม คาดว่าจะเริ่มทยอยจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 4/64 ตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทฯเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น