ตามที่ปรากฏข่าวโดยมีการอ้างอิงข้อมูลจากนักวิชาการท่านหนึ่งว่า "มีหลักฐานสำคัญที่เรากำลังจะสูญเสียสมบัติชาติในอวกาศหรือไม่ โดยระบุว่า ดาวเทียมไทยคม 7 นอกจากจะเป็นดาวเทียมนอกสัมปทาน ภายใต้ใบอนุญาตที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจเป็นการนำดาวเทียมสัญชาติอื่น มาใช้ในวงโคจร ซึ่งเป็นสิทธิของประเทศไทย" นั้น การให้ข้อมูลดังกล่าวเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจดาวเทียมของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เพื่อมิให้สาธารณชนมีความเข้าใจผิด บริษัทฯ จึงขอชี้แจงข้อมูลและข้อเท็จจริง ดังนี้
วงโคจรดาวเทียมในอวกาศนั้น ไม่ได้เป็นสิทธิขาดของประเทศใดประเทศหนึ่งมาตั้งแต่ต้น โดยต้องยื่นคำขอต่อสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) และประสานงานในการใช้งานคลื่นความถี่กับประเทศอื่นด้วย หลายประเทศสามารถมีสิทธิใช้งานร่วมกันได้ และจะถูกยกเลิกสิทธิหากไม่มีดาวเทียมขึ้นใช้งานภายในเวลาที่กำหนด โดยบริษัทฯ ได้รับการมอบหมายจากกระทรวง ไอซีที (กระทรวงดีอีเอสในปัจจุบัน) ให้ช่วยดำเนินการในการรักษาสิทธิ วงโคจรของประเทศไทยที่กำลังจะหมดอายุในขณะนั้น จนดำเนินการสำเร็จ ซึ่งตำแหน่งวงโคจรของไทยคม 7 นั้น ไม่ได้อยู่ภายใต้สัญญาสัมปทาน โดยทั้งประเทศไทยและประเทศจีน ต่างได้รับสิทธิในการใช้วงโคจรดังกล่าวโดยแยกจากกัน
การดำเนินโครงการดาวเทียมไทยคม 7 เป็นการดำเนินการโดยสร้างดาวเทียมร่วมกันระหว่างบริษัทฯ กับผู้ประกอบการของจีน โดยมีกรรมสิทธิของดาวเทียมกันคนละส่วน คล้ายกับการสร้างบ้าน 2 หลัง เป็นบ้านแฝดที่ผนังติดกัน บนโฉนดที่ดินของแต่ละฝ่าย ซึ่งหมายความว่า ประเทศไทยก็ใช้ดาวเทียมส่วนที่เป็นของไทย และใช้สิทธิในการใช้วงโคจรที่เป็นของไทย (เปรียบเหมือนส่วนของบ้านแฝดที่เป็นของไทยก็อยู่บนโฉนดที่ดินของไทย) ขณะที่ประเทศจีนใช้ดาวเทียมส่วนของจีนและใช้สิทธิวงโคจรที่เป็นของจีน (เปรียบเหมือนส่วนของบ้านแฝดที่เป็นของจีนก็อยู่บนโฉนดที่ดินของจีนซึ่งอยู่ติดกันกับที่ดินของไทย) ซึ่งเป็นแนวทางที่มีการปฏิบัติกันอยู่แล้วในอุตสาหกรรมดาวเทียม
บริษัทฯ จึงขอชี้แจงและยืนยันว่า สิทธิในการใช้สิทธิวงโคจรยังเป็นของประเทศไทย ดาวเทียมไทยคม 7 ยังเป็นดาวเทียมที่เป็นกรรมสิทธิของไทย ซึ่งเป็นการรับรองสิทธิโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) (อ้างอิงเอกสารสิทธิวงโคจรของ ITU : THAICOM-A3, THAICOM-A3B, THAICOM-N3) โดย ITU เป็นองค์กรระหว่างประเทศของสหประชาชาติ ที่กำกับดูแลการใช้วงโคจรของดาวเทียมสื่อสารของโลก และยืนยันว่าประเทศไทยยังคงมีสิทธิในวงโคจร ณ ตำแหน่ง 120 องศาตะวันออกอยู่
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แนบเอกสารหลักฐานข้อมูลการจดทะเบียนวงโคจรดาวเทียมของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) มาพร้อมกันนี้ โดยหากสื่อมวลชนหรือนักวิชาการสนใจศึกษาข้อเท็จจริงในรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถประสานงานมายังบริษัทฯ ได้