บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ร่วมขับเคลื่อนนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและโอทอป เปิดโซน "ฮักไทย" (HUG THAIS) รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ชวนอุดหนุนสินค้าไทยช่วยผู้ประกอบการไทยผ่านประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ Omni-Channel ทั้งการ Shopping in Store กับสินค้ากว่า 4,500 รายการ ที่ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, จริงใจ Farmers' Market และแพลตฟอร์มอนไลน์ www.tops.co.th คัดสินค้ากว่า 1,300 รายการ พร้อมจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษเพื่อกระตุ้นการซื้อ หวังเพิ่มยอดขาย สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและ โอทอป ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 ให้สามารถยืนหยัดและกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
นางสุจิตา เพ็งอุ่น Chief Operating Officer Large Format บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวถึงความร่วมมือตามนโยบาย "Connect The Dots" ภายใต้การดำเนินการระหว่าง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ หอการค้าไทย โดยหนึ่งใน 3 ภารกิจหลักของนโยบายดังกล่าว คือ การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและโอทอปที่ได้รับผลกกระทบอย่างหนักจากวิกฤติ โควิด-19 "ท็อปส์" ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 25 ปี จึงขอร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจนี้ให้สำเร็จ ด้วยการเปิดโซน "ฮักไทย" (HUG THAIS) รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าคุณภาพจากทั่วประเทศผ่านแพลตฟอร์มแบบ Omni-Channel รวบรวมสินค้ากว่า 4,500 รายการ มาวางจำหน่ายในร้าน ท็อปส์ มาร์เก็ต,ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ รวม 102 สาขา และ จริงใจ FARMERS' MARKET อีก 23 สาขา การจัดโซนสินค้าดังกล่าว จะทำให้ลูกค้าง่ายต่อการเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้ช้อปปิ้งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ www.tops.co.th กับสินค้ากว่า 1,300 รายการ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
สำหรับการเปิดโซนสินค้า "ฮักไทย" รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน จะเป็นอีกหนึ่งมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ จากการซื้อสินค้าและใช้ผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบของผู้ประกอบการไทยซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยกว่า 750 ราย ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพแต่ที่ผ่านมาผู้บริโภคอาจขาดความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า หาซื้อได้ยากหรือการจัดวางไม่สะดุดตา รวมทั้งเมื่อประสบปัญหาโควิด ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและโอทอปขาดงบประมาณทำการตลาดและประชาสัมพันธ์สินค้า การจัดให้มีโซนสินค้า "ฮักไทย" รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน พร้อมติดป้ายสัญลักษณ์ "ฮักไทย" (HUG THAIS) เพื่อไฮไลท์สินค้าของเอสเอ็มอี โอทอปให้เห็นเด่นชัด กระตุ้นให้เกิดการซื้อเพิ่มมากขึ้น และยังจัดให้มีโปรโมชั่นลดราคาพิเศษ ซึ่งการดำเนินนโยบายดังกล่าวจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย พยุงการจ้างงาน สร้างรายได้ให้เอสเอ็มอี โอทอป สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพื่อที่เราทุกคนจะร่วมมือก้าวข้ามวิกฤตนี้ไปด้วยกันโดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th , เฟซบุ๊ก TopsThailand, Central Food Hall หรือ แอปพลิเคชั่นไลน์ @TopsThailand
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย และเป็นบริษัทเรือธงด้านค้าปลีกซึ่งเป็นรากฐานของกลุ่มเซ็นทรัล มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,687 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564) นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท (Multi-category) ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มออมนิแชนแนล ธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) กลุ่มแฟชั่น เน้นสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ภายใต้ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG) และรีนาเชนเต (Rinascente); (2) กลุ่มฮาร์ดไลน์ เน้นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน ภายใต้ ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์, เพาเวอร์บาย, เหงียนคิม, ออฟฟิศเมท, บีทูเอส, และเมพ (e-book); (3) กลุ่มฟู้ด เน้นสินค้าของสดและของใช้บริโภคในครัวเรือน ภายใต้ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่, แฟมิลี่มาร์ท, บิ๊กซี/โก! และลานชี มาร์ท; และ (4) กลุ่มพร้อพเพอร์ตี้ เน้นให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกแก่บุคคลภายนอกและร้านค้าในเครือฯ ภายใต้ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, ท็อปส์ พลาซ่า, และบิ๊กซี/โก! โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 54 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 39 จังหวัด, และประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564)