กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ได้เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์และให้ความเห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความเป็นสากลมากขึ้น
จากอดีตที่ผ่านมา มีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้จากการปล่อยเช่า (Income Producing Properties) ในปริมาณที่จำกัด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยจะมีสาเหตุมาจากการขยายตัวของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
นางกุลวดี สว่างศรี ผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายการลงทุนและที่ดิน บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ความเห็นว่า “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีการเจริญเติบโตไปในทิศทางที่ดีมาก เนื่องจากตลาดมีสภาพคล่องในระดับที่สูงขึ้น”
ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการหลายรายจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า ทว่าไม่เคยขายต่อโครงการเหล่านั้นให้กับนักลงทุน ในอดีต ส่วนมากแล้วการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เกิดขึ้นจากการที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ประสบกับปัญหาทางด้านการเงิน จึงมีความจำเป็นต้องขายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
ในอดีต ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมีกลุ่มผู้ประกอบการหลากหลายทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก กล่าวคือ หลายโครงการพัฒนาโดยผู้ประกอบการที่มิได้มีธุรกิจหลักเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และผู้ประกอบการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะพัฒนาโครงการนั้น ๆ ขึ้นเพียงโครงการเดียวเท่านั้น ส่วนนักลงทุนเองก็พบว่า โอกาสที่จะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้จากการปล่อยเช่านั้นแทบจะไม่มี หากไม่พัฒนาโครงการขึ้นมาเอง
อย่างไรก็ตาม การที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ดังกล่าวเปลี่ยนไป
แนวความคิดเรื่องกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เข้ามาในประเทศไทย เพื่อที่จะสร้างความคล่องตัวให้เกิดขึ้นในตลาดหลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ปัจจุบันมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 2 ประเภท ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อาทิ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มิลเลียแนร์ (Millionaire) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เป็นต้น สิทธิประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากการจัดตั้งกองทุนโดยเฉพาะประโยชน์ทางด้านภาษีเป็นแรงจูงใจให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีลักษณะคล้ายกับอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้จากการปล่อยเช่า ในแง่ที่ว่า ต่างก็สร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ และมีความเป็นไปได้ที่ทรัพย์สินจะมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ช่วยให้นักลงทุนลงทุนในตลาดอสังหาริม ทรัพย์ได้มากขึ้น ที่ผ่านมา นักลงทุนอาจจะใช้วิธีถือหุ้นในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่พัฒนาที่อยู่อาศัย มากกว่าเป็นผู้ประกอบการที่พัฒนา อสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้จากการปล่อยเช่า หรือไม่นักลงทุนก็จะลงทุนโดยเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยตรง
ปัจจุบัน นักลงทุนสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้จากการปล่อยเช่าได้มากขึ้น และได้ประโยชน์จากการที่ตลาดมีความคล่องตัวสูงขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการซื้อขายในระดับต่ำตามที่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เสนอให้
รูปแบบล่าสุดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ก็คือ กองทุนประเภทที่ 1 ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คุณลักษณะที่สำคัญของกองทุนประเภทนี้ ก็คือ เป็นกองทุนปิดและลงทุนในทรัพย์สินไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NET ASSET VALUE) และต้องจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิของกองทุน
นอกจากนี้ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์สามารถที่จะถือหน่วยลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ ได้ โดยไม่เสียประโยชน์จากการแปลงทรัพย์สินนั้นให้มีเจ้าของร่วมหลายคน และที่สำคัญ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์สามารถระดมทุนเพื่อทดแทนเงินกู้จากสถาบันการเงินทั่วไป ทำให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีเงินทุนหมุนเวียนไปใช้ในการขยายกิจการต่อไป ในปัจจุบัน มีนักลงทุนหลายรายได้จัดตั้งหรือกำลังวางแผนที่จะจัดตั้งกองทุน เพื่อที่จะถ่ายโอนอสังหาริมทรัพย์เข้าสู่กองทุนฯ
การที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ เกิดขึ้นนั้นก็คล้ายกับ รีทส์ (REITs — Real Estate Investment Trusts) ที่เกิดขึ้นและเติบโตไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์มีความเป็นสากลมากขึ้นนั่นเอง
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่า ในอนาคต กลุ่มนักลงทุนสถาบันจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้จากการปล่อยเช่าในประเทศไทย
จากการที่ลักษณะของผู้ซื้อกำลังเปลี่ยนจากนักลงทุนทั่วไปเป็นกลุ่มกองทุน นักลงทุนจะกระจายการลงทุนในกิจการต่าง ๆ และพยายามเข้าถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์หลาย ๆ ประเภท ดังนั้น ในอนาคตจะเห็นได้ว่ามีการลงทุนในภาคธุรกิจค้าปลีก อาคารสำนักงาน และธุรกิจอุตสาหกรรมมากขึ้น เนื่องด้วยผลตอบแทนที่น่าสนใจและรายได้จากค่าเช่าที่มั่นคงและสม่ำเสมอ
ในอนาคต รูปแบบของรายได้จากค่าเช่าที่นักลงทุนต้องการจะได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าผลตอบแทนที่ได้รับในวันนี้จะคงอยู่ในระดับเดิมต่อไป นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการอาคารก็จะได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนในระดับที่สูงที่สุด และสามารถรักษาจุดเด่นต่าง ๆ ของโครงการเอาไว้ได้ในขณะเดียวกัน
“ประเทศไทยเพิ่งจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโตเป็นตลาดการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่ง เราคาดว่า ภาวะเช่นนี้จะดำเนินต่อไป และคาดว่าตลาดดังกล่าวจะซับซ้อนมากขึ้น สำหรับ ซีบี ริชาร์ด เอลลิสในฐานะที่เป็นบริษัทตัวแทนด้านการลงทุนชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก เราสามารถปิดการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนได้ถึง 9,900 แห่งในปี 2547 ที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ 87.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 3.45* ล้านล้านบาท”
“สำหรับประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่า ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ได้รับการยอมรับที่ดีมากในด้านการให้คำปรึกษาแก่นักลงทุน ทั้งนี้เนื่องจากความรู้ด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเชิงลึกและประสบการณ์ที่มีมายาวนานในระดับโลก” นางกุลวดีกล่าวสรุป
*1 ดอลลาร์สหรัฐ = 39.675 บาท
เกี่ยวกับบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนครลอสแองเจลลิส ให้บริการแก่ เจ้าของโครงการ นักลงทุน และผู้ซื้อรายย่อย ครอบคลุมตลาดมากกว่า 300* แห่ง ใน 50* ประเทศทั่วโลก
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เริ่มเปิดสาขากรุงเทพ ฯ ครั้งแรกในปีพ.ศ.2531 และสาขาภูเก็ตในปีพ.ศ. 2547 โดยให้บริการด้านการเป็นตัวแทนในการซื้อ ขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้าน คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนท์ เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ อาคารสำนักงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอุตสาหกรรม โรงแรม ที่ดิน และให้บริการด้านการให้คำปรึกษา ซึ่งรวมถึง การให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การวิจัยตลาด และการประเมินราคาทรัพย์สิน นอกจากนี้ ยังให้บริการในด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานในระดับสากล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้บริการ สามารถเข้าชมได้ที่ www.cbre.co.th
* รวมสำนักงานที่เป็นหุ้นส่วน
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติ่ม:
มร. เจมส์ พิทชอนกรรมการบริหาร02 654 1111
นางกุลวดี สว่างศรีผู้อำนวยการ - หัวหน้าฝ่ายการลงทุนและที่ดิน02 654 1111 ต่อ 301
นางสาวงามใจ เจียรจรัสผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร02 654 1111 ต่อ 522--จบ--