ดีลใหญ่ สุดปัง แห่งปี! หนุนกลุ่มเจมาร์ทให้ใหญ่กว่าเดิม โดยบริษัทชั้นนำในตลาดอย่าง VGI และ U เข้ามาลงทุนใน JMART และ SINGER เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ของ JMART รวมสัดส่วน 24.9% ของทุนที่ชำระแล้ว ให้ VGI เข้ามาถือสัดส่วน 15% ส่วน U ถือสัดส่วน 9.9% สะท้อนความเชื่อมั่นในกลุ่มเจมาร์ทมีศักยภาพในการลงทุน และ Synergy การเติบโตร่วมกัน ด้าน SINGER ออกหุ้นเพิ่มทุนทั้งแบบ PP ให้สิทธิ U ถือหุ้นสัดส่วน 24.9% และ RO เพิ่มทุนขยายฐานการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ นอกจากนี้ JMT ประกาศเพิ่มทุนแบบ RO โดย JMT แถมแจกวอแรนท์ เพิ่มฐานทุนในการขยายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มเติม
นับเป็นดีลสำคัญที่น่าจับตามอง ด้วยเม็ดเงินจากการระดมทุนมูลค่ามหาศาล หรือราว 3 หมื่นล้านบาท ทั้งหมดนี้ จะนำไปใช้สร้างมูลค่าเพิ่มภายในกลุ่มบริษัทเจมาร์ท เพื่อเติบโตก้าวกระโดดครั้งต่อไปในลักษณะการเติบโตแบบ J-Curve ประเด็นสำคัญการลงทุนครั้งนี้ คือ การปลดล็อกข้อจำกัดเรื่องเงินทุนในธุรกิจการเงินซึ่งเป็นฐานกำไรสำคัญของ JMART นำไปใช้เพิ่มทุนใน JMT และ SINGER เพื่อซื้อหนี้เข้ามาบริหาร และขยายพอร์ตสินเชื่อ รวมไปถึงลดต้นทุนทางการเงิน นอกจากนี้ ถือได้ว่าการทรานฟอร์มภายในกลุ่มบริษัทครั้งใหญ่ เสริมความแข็งแกร่งด้วยการ Synergy ร่วมกับกลุ่ม VGI และ U ภายใต้กลุ่ม BTS แม้ภายใต้วิกฤติโควิดฉุดภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุน แต่เป็นโอกาสของกลุ่มเจมาร์ทที่กำลังเติบโตด้วยฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัทโฮลดิ้งคอมพานีที่ลงทุนในบริษัทอื่นที่มีศักยภาพ (Investment Holding Company) กล่าวว่า บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) (VGI) และ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) (U) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม BTS Group Holdings เข้ามาร่วมลงทุนในกลุ่มเจมาร์ทครั้งนี้ นับเป็นโอกาสใหญ่ที่เราได้ผสานพลังร่วมกับกลุ่มผู้นำในธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจสื่อโฆษณา และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีอีโคซิสเต็มครบวงจร สะท้อนความเชื่อมั่นใน JMART SINGER และ JMT ที่มีศักยภาพการเติบโตอีกมาก สิ่งที่เข้ามาปลดล็อกในครั้งนี้ คือ การปลดล็อกฐานเงินทุนที่จะเพิ่มขึ้น และแผนการ Transform และ Synergy ร่วมกันในทุกรูปแบบ โดยเป็นการมองระยะยาวไปอีก 3 - 5 ปีจากนี้ ด้วยเม็ดเงินระดมทุนก้อนใหญ่ ที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจ แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด ก็เชื่อมั่นได้ว่า เจมาร์ทมีแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ และมีประสิทธิภาพ
สำหรับแผนการ Synergy ร่วมกันในช่วงต่อจากนี้ คาดจะได้เห็นการขยายฐานลูกค้า การขยายผลิตภัณฑ์และบริการในเครือของเจมาร์ท ในธุรกิจค้าปลีก การเงิน ประกัน และเทคโนโลยี ไปสู่ขอบเขตการให้บริการที่เป็นมากกว่า Online-to-Offline (O2O) โซลูชั่นส์ บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณาของ VGI ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ ในแง่ของช่องทางการจำหน่าย SINGER ยังถือเป็นเบอร์หนึ่งที่สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านตัวแทนขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีร้านสาขาและแฟรนไชส์รวมกว่า 2,800 แห่ง รวมทั้ง ช่องทางร้านค้ากลุ่มสินค้าเทคโนโลยี JAYMART MOBILE และบริษัทในเครือ เป็นเครือข่ายการกระจายสินค้าและเข้าถึงผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ผสานกับ KERRY เพิ่มโอกาสการต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ในเครือเจมาร์ทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้ง ทางด้านเทคโนโลยีทางการเงิน Blockchain รวมทั้งศึกษาเรื่อง Digital Token และการนำเอา JFIN Token มาใช้บนอีโคซิสเต็มของกลุ่ม BTS เป็นโอกาสในการสร้างระบบนิเวศน์ในเครือเจมาร์ทให้ครบวงจร
นอกจากธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตยิ่งขึ้นแล้ว การเพิ่มทุนครั้งนี้จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนของกลุ่มเจมาร์ท ทำให้มีงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น มีโอกาสที่เครดิตเรทติ้งจะดีขึ้น และการขยายธุรกิจด้วยต้นทุนการเงินที่ลดลงของ SINGER และ JMT จะสะท้อนกลับมาที่ JMART ในแง่ของกำไรที่โดดเด่นชัดเจน โดยตั้งเป้าภาพรวมกำไรปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 50% ต่อปี ซึ่งยังไม่นับรวมการผนึกพันธมิตรต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติมร่วมกับบริษัท VGI และ U ภายในกลุ่ม BTS ทั้งนี้ VGI และ U เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ของ JMART รวมสัดส่วน 24.9% ของทุนที่ชำระแล้ว โดย VGI เข้ามาถือสัดส่วน 15% ส่วน U ถือสัดส่วน 9.9%
พร้อมกันนี้ JMART ในฐานะเป็นบริษัทแม่ของ JMT และผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SINGER พร้อมนำเงินจากพันธมิตรที่ได้จากการออก PP ครั้งนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท สนับสนุนแผนเพิ่มทุน (RO) ของ SINGER คิดเป็นมูลค่าราว 1,300 ล้านบาท รองรับการขยายโอกาสในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และอีกส่วนหนึ่งใช้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (RO) ของ JMT มูลค่าประมาณ 5,300 ล้านบาท รองรับการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร ท่ามกลางสถานการณ์ของอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการเติบโตของกิจการในอนาคต ซึ่ง JMT เป็นผู้บริหารหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่ของประเทศ โดยผู้ถือหุ้นท่านใดที่เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตนี้ ก็สามารถมีส่วนร่วมเติบโตไปด้วยกันในครั้งนี้ พร้อมให้วอแรนท์ชุดใหม่ รองรับการเติบโตในอนาคต
ด้าน บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO และ PP รวมได้เงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการออก PP ให้ บมจ. ยู ซิตี้ (U) ถือหุ้นสัดส่วน 24.9% มีแผนจะนำเงินที่ได้ 7,700 ล้านบาท ใช้สนับสนุนการขยายพอร์ตสินเชื่อของ SINGER ให้เติบโตโดดเด่น ด้วยต้นทุนทางการเงินในระดับต่ำมาก และเงินส่วนที่เหลือนำไปคืนหนี้หุ้นกู้ในอีก 2 ปีข้างหน้า