บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาต์เล็ตแห่งแรกของไทย ตอกย้ำผู้นำศูนย์การค้าสะอาดปลอดภัย ประกาศใช้มาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุด "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" ยืนยันความพร้อมเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด เริ่ม 1 กันยายนนี้ ตามประกาศภาครัฐ เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการป้องกันการแพร่ระบาด ให้ศูนย์การค้าเป็นสถานที่ปลอดภัย COVID-FREE พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดทุกจุด และส่งเสริมรณรงค์สังคมสะอาดปลอดภัย
โดยวันนี้ (31 ส.ค. 64) ดร. วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นางวัลยา วัฒนรัตน์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมของมาตรการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนเปิดให้บริการตามปกติพร้อมกัน 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพและปริมณฑล, ชลบุรี, ระยอง, นครราชสีมา และหาดใหญ่
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า "เซ็นทรัลพัฒนา เราได้ริเริ่มแผนแม่บทมาตรการความสะอาดมาตั้งแต่เริ่มต้นการระบาด สร้างมาตรฐานใหม่ New Normal และเราไม่เคยหยุดยั้งในการยกระดับมาตรการ ปรับปรุงตามสถานการณ์ เพื่อให้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน เป็นต้นแบบมาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุดของวงการศูนย์การค้าไทย อีกทั้งยังช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งคู่ค้าผู้เช่า และอาชีพต่างๆ ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเปิดศูนย์การค้าภายใต้นโยบายที่ภาครัฐควบคุมดูแลจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศให้เดินหน้า ซึ่งเราหวังว่าสถานการณ์ในประเทศจะค่อยๆ คลี่คลาย พร้อมฟื้นตัวช่วงปลายปี"
"ทั้งนี้จากการประกาศของศบค.เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่อนุญาตให้ธุรกิจในศูนย์การค้าเปิดให้บริการได้เพิ่มเติมได้นั้น เรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเปิดให้บริการ และพร้อมปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ในฐานะผู้นำแผนแม่บทเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ใน 5 แกนหลัก 75 มาตรการ เรามุ่งมั่นและต้องการรณรงค์ให้ทุกคนร่วมกันสร้างสังคมที่สะอาด ปลอดภัยด้วยกัน จึงเป็นที่มาของการพัฒนามาตรการ เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+ ที่เข้มข้นขึ้น โดยเน้นที่การดูแลสถานที่และพนักงานให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พื้นที่ของศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัย COVID-FREE เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการมาตรการของศูนย์การค้าไทยต่อไป" ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าว
"โดยมาตรการ "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" สอดคล้องตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำเป็นพิเศษในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล รวมไปถึงให้พนักงานให้บริการมีการฉีดวัคซีน - ตรวจคัดกรองวันแรก 100% และต่อเนื่องทุกสัปดาห์ - กักตัวอย่างเป็นระบบ - เว้นระยะห่าง - สะอาดปลอดภัยตลอดเวลาทุกวัน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งผู้เช่าร้านค้า และพนักงานภายในศูนย์การค้า ที่พร้อมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่ รวมถึงการประเมินร้านค้าผ่าน Thai Stop Covid Plus, พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Safe Thai ทุกวัน ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้มาใช้บริการ" ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว
ไฮไลท์ มาตรการ "เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+" ยกระดับเข้มข้นสูงสุด อาทิ
- Extra Screening+ เรื่องการฉีดวัคซีน และตรวจคัดกรองด้วย ATK
สำหรับลูกค้า
- ลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าทุกคนต้องสแกน "ไทยชนะ" ก่อนเข้าพื้นที่ศูนย์การค้า และร้านค้าทุกครั้ง
- ส่งเสริมให้ทุกคนร่วมกันสร้างสังคมสะอาด ปลอดภัย ด้วยการแสดงหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ 1) ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม 2) ผลตรวจ ATK ไม่เกิน 7 วัน 3) ผู้ป่วยที่หายจากโควิด ไม่เกิน 3 เดือน แสดงใบรับรองแพทย์ 4) ผลตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 7 วัน 5) ประเมินความเสี่ยงผ่าน ไทยเซฟไทย ทุกวัน
- เน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา วัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
สำหรับพนักงาน
พนักงานที่จะเข้าปฏิบัติงานในศูนย์การค้าเซ็นทรัล มี 3 ทางเลือก ได้แก่
- วันแรกที่เปิดให้บริการ พนักงานต้องตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ทุกคน 100% และสุ่มตรวจคัดกรองด้วย ATK หมุนเวียนทุกสัปดาห์
- หากมีอาการ พนักงานต้องหยุดทำงาน และไปตรวจ ATK ทันที
- ผลการตรวจ ATK ของพนักงาน ต้องได้รับการรับรองจากบริษัทต้นสังกัด โดยใบรับรองจะมีผลใช้ได้ 3 วัน นับจากวันที่ตรวจ
- อุปกรณ์การตรวจ ATK ต้องเป็นแบรนด์ที่ได้รับเครื่องหมาย อย. เท่านั้น
- 100% Social Distancing+
- จำกัดจำนวนคนในพื้นที่ 1 ต่อ 5 ตร.ม.
- ร้านอาหาร นั่งได้ 50% ของพื้นที่เพื่อลดความแออัดและ 75% หากไม่มีแอร์
- สำหรับศูนย์อาหาร จัดให้มีระบบ Customer counting ในการควบคุมจำนวนลูกค้า 50% ของพื้นที่
- ส่งเสริมการจองคิวล่วงหน้า และการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์
- พนักงานต้องทานข้าวคนเดียวเท่านั้น
- กำหนดระยะห่างระหว่างบุคคลเมื่อใช้บันไดเลื่อน ไม่ต่ำกว่า 2 เมตร หรือ 4 ขั้นบันไดเลื่อน
- Extra Deep Cleaning+
- ฆ่าเชื้อระบบปรับอากาศในศูนย์การค้าตลอดเวลาด้วยแสง UV-C, ควบคุมระบบอากาศหมุนเวียนภายใน 5-6 ACH และล้างไส้กรองแอร์ทุก 2 เดือน
- ทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสทุก 30 นาที
- ทำความสะอาด Big Cleaning หลังศูนย์ฯ ปิดทุกวัน
- ศูนย์การค้า / ร้านค้า ต้องลงทะเบียนเพื่อทำการประเมินผ่าน Thai Stop Covid Plus
- พนักงานศูนย์ฯ และร้านค้าทุกคน ต้องประเมินตนเองผ่าน Thai Save Thai ทุกวัน
- ป้องกัน 2 ชั้น พนักงานทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือ ใส่หน้ากากอนามัย 1 ชั้น และ Face Shield
- ห้ามเดินทานอาหารหรือเครื่องดื่ม ระหว่างอยู่ในศูนย์การค้า
- ตรวจสอบคุณภาพน้ำตลอดเวลา โดยควบคุมระดับคลอรีนฆ่าเชื้อในน้ำไม่ต่ำกว่า 0.5 ppm
โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด จะเปิดให้บริการธุรกิจตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 11:00 - 20:00 น.* ยกเว้นบางธุรกิจที่เปิดแบบมีเงื่อนไข ได้แก่
- ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม/ Food Court ที่มีเครื่องปรับอากาศให้นั่งรับประทานได้ 50% สำหรับร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ นั่งรับประทานได้ 75% และงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร
- ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัด สระ ซอย แต่งผม โดยผ่านการนัดหมาย ให้บริการไม่เกิน 1 ชั่วโมง และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน
- ร้านนวด เปิดได้เฉพาะฝ่าเท้า โดยผ่านการนัดหมาย
- คลินิกเวชกรรม คลินิกเสริมความงาม (ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น)
โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 21 สาขา ในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เฟสติวัล อิสต์วิลล์, เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, ปิ่นเกล้า, พระราม 2, พระราม 3, แกรนด์ พระราม 9, รามอินทรา, บางนา, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต, รัตนาธิเบศร์, ศาลายา, มหาชัย, เซ็นทรัลวิลเลจ, เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี, เซ็นทรัล มารีนา, เฟสติวัล พัทยา บีช, เซ็นทรัลพลาซา ระยอง, นครราชสีมา และเฟสติวัล หาดใหญ่ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 11:00 - 20:00 น.* ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดให้บริการ 8:00 - 20:00 น. ทุกวัน*
เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ ในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และพร้อมดูแลทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ เพื่อให้เราทุกคนฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันได้อย่างดีที่สุดและช่วยกันขับเคลื่อนประเทศชาติให้ยังคงเดินหน้าต่อไป