วายแอลจีเผย ราคาทองคำยังมีสัญญาณไปต่อหลังท้ายสัปดาห์ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงเหตุมีปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งผลประชุมเฟดที่แม้จะส่งสัญญาณลด QE ก่อนสิ้นปีแต่ยังห่างไกลการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เหตุการณ์ระเบิดที่อัฟกานิสถานและสถานการณ์โควิด -19 ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำไปต่อ ทั้งนี้ มองระยะสั้นอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา แนะนักลงทุนแบ่งขายกำไรบริเวณแนวต้าน 1,823-1,833 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แล้วรอซื้อเมื่ออ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,807 และ 1,789 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่าหลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปแบบก้าวกระโดดเมื่อท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ผลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ได้แถลงว่ามีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตามการที่เฟดไม่ได้กำหนดเวลาการปรับลด QE ที่แน่นอนเพราะยังต้องจับตาดูทิศทางของการระบาดของโควิด -19 ที่ยังน่าเป็นห่วง รวมการประชุมครั้งนี้ไม่ได้ส่งสัญญาณโดยตรงถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดีตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นอย่างเร็วในปลายปี 2566
นอกจากนี้เหตุระเบิดที่กรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย กองกำลังสหรัฐจึงเริ่มปฏิบัติการทางอากาศอีกครั้งทำให้เกิดความกังวลและส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้นเช่นกัน อีกทั้งยังมีปัจจัยสนุนสนุนราคาทองคำจากกรณีที่นายหยิน หยูปิง รองผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคด้านการเงินของธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุว่า บิตคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ ไม่ใช่สกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และไม่มีการสนับสนุนด้านมูลค่าที่แท้จริง
สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำนั้นยังมีแรงส่งให้เคลื่อนไหวในทิศทางบวก แต่ก็ต้องอาศัยปัจจัยบวกใหม่เพิ่มเติมโดยในระยะสั้นจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ขณะที่การเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงานสหรัฐในวันศุกร์นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้นำทิศทางราคาทองคำในระยะถัดๆไป ดังนั้น นักลงทุนต้องการเข้าซื้อในช่วงนี้แนะนำให้รอจังหวะการย่อตัว สามารถใช้แนวรับที่ 1,807 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 27,600 บาทต่อบาททองคำ และ 1,789 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 27,350 บาทต่อบาททองคำ ถ้าราคายืนระดับนี้ได้ก็มีโอกาสรีบาวด์ และแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรเป็นระยะหากราคาทองคำยังไม่สามารถทะลุแนวต้านระยะสั้นที่ 1,823 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 27,900 บาทต่อบาททองคำ โดยจะมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,833 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 28,050 บาทต่อบาททองคำ
ส่วนการให้บริการของ YLG ยังคงมอบโปรโมชั่นวางเงินประกันขึ้นต่ำลดลงมาจาก 100,000 บาท เหลือ 50,000 บาท ในการเทรดทองคำแท่ง และในส่วนของตลาดฟิวเจอร์สก็ยังคงลดค่าคอมมิชชั่น 80% สำหรับนักลงทุนในตลาด TFEX และได้เพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนหน้าใหม่สามารถซื้อขายทองคำออนไลน์เรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่น YLG Trader ที่รองรับระบบ iOS ทำให้นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสามารถลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งมีความปลอดภัยสูง ส่วนนักลงทุนที่ไม่ได้ใช้ระบบ iOS สามารถสมัครออนไลน์ คลิก www.ylgopenacc.com หรือ ปรึกษาการลงทุนทองคำแท่ง Call center : 02 687 9892, 02 687 9893, 02 687 9888 ต่อ 1 สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน TFEX ซึ่งรวมการให้บริการเทรดทองคำ หุ้น และค่าเงิน คลิก https://www.ylgfutures.co.th/th/contact-us/contact-information