WICE เผยแนวโน้ม Q3/64 ท็อปฟอร์มต่อเนื่อง จากธุรกิจขนส่งเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น รับส่งออกโตหนุนปริมาณงานเพิ่มครอบคลุมธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม เตรียมบุ๊คส่วนแบ่งกำไรเพิ่มจาก ETL หลังถือหุ้น 51% มั่นใจรายได้ปี 64 เติบโตตามเป้าหมายใหม่ 45% แตะ 5,800 ล้านบาท
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจไตรมาส 3/64 และครึ่งปีหลัง 64 ที่เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจขนส่ง สอดคล้องกับตัวเลขการส่งออกของไทยล่าสุดที่มีมูลค่า 22,650.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีอัตราการขยายตัว 20.27%
ทั้งนี้คาดว่าธุรกิจจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นครอบคลุมทั้ง 4 กลุ่มบริการหลัก ได้แก่ การขนส่งทางทะเล (Sea Freight), การขนส่งทางอากาศ (Air Freight), การขนส่งข้ามพรมแดน (Cross Border Services) และ ธุรกิจบริการด้าน Supply Chain Solutions ส่งผลให้บริษัทมีการขยายตัวของธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากปัจจัยการเติบโตดังกล่าว บริษัทจึงมีการปรับเป้าการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 45% หรือ 5,800 ล้านบาท
นอกจากนี้เพื่อเป็นการขยายศักยภาพการให้บริการส่งข้ามพรมแดน (Cross Border Services) บริษัทได้มีการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด หรือ ETL จำนวน 2,244,898 หุ้น เป็นจำนวนเงิน 138 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากกระแสเงินสดภายในบริษัทและการกู้เงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนก.ย. คาดว่า WICE และเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นใน ETL ที่จากเดิม 40% เป็น 51% ได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/46
"บริษัทมีแผนที่จะขยายการให้บริการขนส่งไปยังตลาดหลักที่มีแนวโน้มความต้องการสินค้าเพิ่มสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง อาทิ ตลาดสหรัฐอเมริกาที่บริษัทตั้งเป้าขยายการขนส่งเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ตู้ต่อปี รวมไปถึงตลาดจีน ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยด้วยการเชื่อมโยงเส้นทางการขนส่งระหว่างประเทศผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรและเครือข่ายสาขาของบริษัท อีกทั้งมีการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตได้ดี และการบริหารจัดการต้นทุนลดค่าใช้จ่าย เน้นเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ภายในประเทศเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต เชื่อว่าหากดำเนินธุรกิจได้ตามแผนจะส่งผลให้มีรายได้ตามเป้าหมายใหม่ที่วางไว้" นายชูเดชกล่าว
ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทมีผลประกอบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีรายได้ จากบริการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากความต้องการขนส่งไปยังตลาดหลักที่เศรษฐกิจฟื้นตัว และการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) ที่มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับค่าระวางเรือและทางอากาศที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจากปัจจัยด้านตู้คอนเทนเนอร์และเที่ยวการขนส่งที่ขาดแคลน ซึ่งส่งผลดี แก่บริษัททั้งในด้านจำนวนลูกค้าและค่าบริการที่เพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจขนส่งข้ามพรมแดน (Cross Border Services) ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (ETL) ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 27% และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากความนิยมในการใช้บริการทดแทนการขนส่งหลัก ซึ่งบริษัทได้เพิ่มปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลให้มีการจัดการเที่ยวรถได้ดีขึ้น และเพิ่มบริการขนส่งแบบไม่เต็มตู้ หรือ Less-truck Load (LTL) เพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าที่หลากหลายและมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต รวมถึงเพิ่มเส้นทางการขนส่งเป็นจำนวน 5 เส้นทาง ครอบคลุมพื้นที่คาบสมุทรอินโดจีน ตั้งแต่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ลาว เวียดนาม และ จีน
ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาส 2/64 บริษัทสามารถสร้างสถิติใหม่ ที่มีรายได้รวม 1,706.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 668.20 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 64.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,038.08 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 111.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 56.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 101.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.27 ล้านบาท และผลประกอบการครึ่งปีแรก 64 มีรายได้รวม 2,993.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,303.62 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 77.14 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,690.03 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 193.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 107.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 125.66 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 85.53 ล้านบาท