ต้อนรับเทศกาลฟุตบอลอย่างเป็นทางการ ทั้งในและนอกประเทศไม่ว่าจะเป็นรายการใหญ่ๆอย่าง พรีเมียร์ลีก,ลาลีกา, กัลโช่เซเรีย อา,ลีกเอิงรวมถึงโปรแกรมการแข่งขันที่กำลังจะตามมาอย่าง ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ยูฟ่ายูโรปาลีก, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ หรือแม้แต่บอลไทย ที่พึ่งกลับมาลงสนามแข่งไปไม่นานสำหรับไทยลีก1ที่ก่อนหน้านี้มีการเลื่อนการแข่งขันออกไป วันนี้ออนไลน์ไลน์สเตชั่น ขอมาเจาะลึกอีกหนึ่งกุนซือ ในวงการฟุตบอลไทย อย่าง "พันธุ์นารายณ์ พันธุ์ศิริ" หรือ "อ๊อตโต้" ถึงแม้ว่าทีม "สิงฆ์ระฆังทอง"ที่เค้าดูแลในฐานะเฮ้ดโค้ช จะอยู่ในไทยลีก 3 แต่ฝีไม้ลายมือการเป็นเฮ้ดโค้ช ก็ฉายแววไม่น้อยเลยทีเดียว
"พันธุ์นารายณ์ พันธุ์ศิริ" หรือ "อ๊อตโต้" เจ้าของช่องและเพจวิเคราะห์ฟุตบอลชื่อดัง "The Next Coach" หนึ่งในครีเอเตอร์สายกีฬาภายใต้ Online Station เด็กหนุ่มวัยเพียง 24 ปี ก้าวข้ามในเรื่องของอายุ มายืนเป็นโค้ชรุ่นใหม่แถวหน้าของไทย ด้วยความกล้าที่จะเดินหน้าตามหาโอกาสและไม่มีคำว่าถอยหลัง พร้อมที่จะส่งต่อสาระ ทักษะ ในมุมมองของโค้ชผ่าน "The Next Coach" ในแบบฉบับที่ใครๆก็สามารถเข้าถึงได้ ที่จะพาทุกคน เจาะลึกทุกการแข่งขันจากสนามจริง การสร้างเกมรุก ออกแบบเกมรับ เพิ่มโอกาสในการทำประตูในแบบของคุณ และพาคุณออกนอกกรอบจากการเป็นแฟนบอล ถ้าพูดถึงโค้ชฟุตบอล ภาพในหัวที่หลายๆคน คิดอาจจะต้องเป็นอดีตนักเตะเก่งๆ หรือนักเตะมืออาชีพ แต่ใครจะรู้ว่าแค่มีความรักในกีฬาฟุตบอล และแรงบันดาลใจ มีต้นแบบอย่าง " อันเดร วิลลาส โบอาส" เฮ้ดโค้ชสโมสรเชลซีในวัยเพียง 33 ปี ยืนคุมทีมได้ ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาก่อน เขาจึงไม่รอให้โอกาสวิ่งมาหาอีกต่อไป เดินหน้าตามหาเส้นทางที่จะพาเขาไปถึงความฝันและเป้าหมายของการเป็น " โค้ช "
การเรียนเพื่อเป็นโค้ช อาจจะดูเป็นเรื่องไกลตัว สำหรับเด็กวัยเพียง 15 ปี เพราะหลายคนอาจมองว่า การที่จะได้เป็นโค้ชในทีมใหญ่ๆ อาจจะต้องผ่านการเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพมาก่อน แต่เขาก็ไม่ทิ้งความฝันที่อยู่ไกลตัว จนอายุ 18 ปี ได้ตัดสินใจขอร่วมเป็นหนึ่งในทีม สร้างทีมฟุตบอลของโรงเรียนในรุ่น 12 ปี นั้นเป็นก้าวแรกของการได้ชิ้มลางการทำงานในสายที่ใฝ่ฝัน และร่วมเป็นสต๊าฟฟ์ในทีม KC15 ที่คว้าแชมป์จากรายการ ช้าง จูเนียร์ คัพ ในปี2014 และเป็นอีกก้าวที่ได้มีโอกาสเป็นผู้ช่วยโค้ชของทีม และยังเป็นเวลาเดียวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ความมุ่งมั่นและตั้งใจไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง อ๊อตโต้ได้เข้าในคณะที่ตั้งใจ อย่าง วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล และใช้เวลาที่เหลือก่อนเปิดภาคเรียนอย่างเต็มที่ ทุ่มเทให้กับหน้าที่ ที่เขาดูแลและยังคอยศึกษารูปแบบการเล่นของไทยและต่างประเทศ เขาใช้เวลาทุกนาทีของเขาได้อย่างคุ้มค่า จนโอกาสทองมาถึงมือของเขา ทีม KC15 ที่เขาดูแลเข้าถึงรอบสุดท้ายในการแข่งขันช้าง จูเนียร์ คัพ ในปี 2015 ประกาศให้บุคคลากร ในทีมสามารถเรียนโค้ชในระดับ ซี ไลเซนส์ เขาไม่รอช้าตัดสินใจลงเรียนทันที ฝ่าทุกแรงกดดันจากหลายๆด้าน รวมไปถึงเรื่องของอายุที่ยังน้อยเกินไป เขามีเพื่อนร่วมเรียนในคลาสที่เป็นถึงสต๊าฟฟ์ของทีมจากไทยลีก และยังมีอดีตนักเตะกองหน้าทีมชาติไทย อย่าง เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ (อัลเฟรด) อีกด้วย การเรียนในครั้งนี้ของเขาเรียกได้ว่าเป็นการนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด จนสอบผ่านซีไลเซนส์มาได้ สมกับความตั้งใจจนกลายเป็นคนที่จบ ซีไลเซนส์ที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น อ๊อตโต้มีใบเบิกทางที่แสนจะล้ำค่าเมื่อทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกมาประกาศให้ทุกสโมสร ในการแข่งขันลีกเยาวชนจะต้องมีไลเซนส์ซิ่ง เพื่อให้เทียบเท่ากับสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) อ๊อตโต้เป็นที่หมายตาของหลายๆสโมสร โดย "เลย ซิตี้" ยื่นข้อเสนอการเป็นเฮ้ดโค้ช รุ่น U15 และควบตำแหน่งการเป็นผู้ช่วยโค้ชในทีมชุดใหญ่ ไปพร้อมๆกัน เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่ตลอดการทำงาน และได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยไปศึกษาด้านฟุตบอลที่เกาหลีใต้ อ๊อตโต้เหมือนได้ก้าวไปอีกโลกหนึ่ง โลกที่ฟุตบอลมีการพัฒนาไปไกล มีการวิเคราะห์เกมการแข่งกันอย่างจริงจัง และการกลับมาครั้งนี้เขาได้ตัดสินใจเรียน บี ไลเซนส์ ต่อทันที และทำให้เขาได้มีโอกาสเข้ามาร่วมงานกับทีมชาติไทย ผ่านการชักชวนจาก "ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ" เฮ้ดโค้ชทีมชาติไทย U16 และสต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย U17,19 ในเวลานั้น โดยเข้ามาเป็นนักวิเคราะห์เกมของทัพช้างศึกรุ่นเล็ก และเหมือนเพิ่มไฟในตัวเองที่อยากจะเป็นโค้ช ที่มีคุณภาพให้ได้ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำเพจ "The Next Coach" เพจที่อยากแชร์ประการณ์และส่งต่อความรู้ แทคติคต่างๆ อธิบายเรื่องง่ายๆ จนไปถึงเรื่องราวเชิงลึกเข้าใจยาก ในมุมมองของโค้ชมากกว่าคนดูบอล ให้กับคนที่มุ่งมั่นในการเป็นโค้ชพร้อมที่จะพัฒนา ในฐานะโค้ชฟุตบอลมืออาชีพ และอยากให้คำว่า"The Next Coach" เป็นคำที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับตัวเอง รวมถึงหลายๆคนที่อยากเป็นโค้ช หรือคนที่อยากดูบอลได้อย่างเข้มข้นมากขึ้น และหวังว่าการทำเพจ "The Next Coach" จะเข้ามามีอิทธพลในการเปลี่ยนแปลงฟุตบอลไทยไปในทิศทางที่ดีขึ้น และอยากเป็นฟันเฟืองที่ช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทย
นอกจากนั้นเขายังได้รับโอกาสจากวงการลูกหนังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ช่วยโค้ชทีมชาติไทยชุด U12, นักวิเคราะห์เกม ชุดบีและชุดใหญ่ของทีม True Bangkok United แต่นั่นไม่ได้เป็นจุดสูงสุด อ๊อตโต้ได้เรียน เอ ไลเซนส์ และทำให้เขาได้มายืนคุมทีม True Bangkok United ชุด U14 จนพาทีมคว้าแชมป์ ในศึก CP Meiji Cup 2020 รอบคัดเลือกภาคกลาง ชื่อเสียงของอ๊อตโต้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำให้ถูกทาบทามจากหลายๆสโมสร ปัจจุบันเขาเลือกกลับมาบ้านเกิด ยึดหลักการในการพัฒนาคนในท้องถิ่น และยืนในตำแหน่งเฮ้ดโค้ชของสโมสร "สิงห์ทอง" เอสจีบี กาญจนบุรี เอฟซี หนึ่งในทีมดีวิชั่น 3 โซนตะวันตก ด้วยสไตล์การคุมทีมที่เป็นกันเองกับนักเตะและทีมงาน เข้าถึงได้ง่ายทั้งเรื่องในและนอกสนาม ทำให้ทุกคน สามารถทำงานประสานกันได้อย่างเข้าอกเข้าใจ และโค้งสุดท้ายก่อนปิดตลาดนักเตะ ทีมได้คว้าตัว "เคนโตะ นางาซากิ"และ "บอย- ณธกรณ สร้อยทอง" ดาวรุ่งจากทรูแบงค็อก ร่วมศึกนี้ฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง ซึ่งการแข่งขันอันใกล้นี้เขาก็แอบหวังว่า ทีมอาจจะมีโอกาสไต่ระดับขึ้นไปแข่งในดีวิชั่น 2 และเราจะได้เห็นความเก๋าของเฮ้ดโค้ชที่อายุน้อยที่สุดในฟุตบอลลีกอาชีพของประเทศไทย
สามารถติดตาม "The Next Coah"เส้นทางการเป็นโค้ชได้ตัวของคุณเอง ปลุกความเป็นโค้ชในตัวคุณ พร้อมกันได้ที่ https://bit.ly/YT_TheNextCoach และ https://www.facebook.com/thenextcoach