Klook สตาร์ทอัพผู้พัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการการจองกิจกรรมและบริการด้านการท่องเที่ยว ฉลองครบรอบ 7 ปีการก่อตั้ง แนะ 7 เทรนด์การท่องเที่ยวยอดฮิตและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่กำลังมาแรง เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง พร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งตลอดจนสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทย
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อโลกมายาวนานมากกว่า 1 ปี โดยธุรกิจท่องเที่ยวถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ และต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างมาก โดยในปี 2564 นี้ Klook ได้ปรับตัวและเรียนรู้จนพร้อมที่จะกลับมาเดินหน้าต่ออย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง รวมทั้งพร้อมจะเป็นช่องทางส่งเสริม และสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยว
ในประเทศไทยให้ฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงในเดือนกันยายนนี้ เป็นเดือนครบรอบวันเกิดปีที่ 7 ของ Klook เราจึงได้สรุปเทรนด์การท่องเที่ยวและพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวและโอกาสของธุรกิจท่องเที่ยวในยุคใหม่ และแน่นอนครบรอบ 7 ปี Klook ไม่พลาดที่จะเตรียมโปรโมชันและส่วนลดสุดพิเศษเพื่อเป็นการฉลอง ให้การท่องเที่ยวของคุณคุ้มค่าและสะดวกง่ายดายที่สุด
7 เทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่
เทรนด์ #1 ความคุ้มค่าและความยืดหยุ่น
ผลิตภัณฑ์รูปแบบ "ซื้อก่อน จ่ายทีหลังเมื่อได้ไปเที่ยวจริง" จะได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยว เพราะหลังจากที่นักท่องเที่ยวต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบล่าสุดไม่มากก็น้อย ทุกการใช้จ่ายย่อมต้องระมัดระวังและคุ้มค่าที่สุด เนื่องจากไม่มีใครต้องการเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์หรือจ่ายเงินไปแล้วไม่สามารถเดินทางได้ อีกทั้งสถานการณ์การเดินทางในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก เรื่องของความยืดหยุ่นจึงเป็นปัจจัยในการตัดสินใจเช่นเดียวกัน หากสินค้าและบริการสามารถตอบโจทย์นี้ได้ เชื่อว่าจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
เทรนด์ #2 มองหาประสบการณ์แบบใหม่ หลีกหนีความจำเจและกิจวัตรเดิมๆ
ในช่วงปลายปี 2020 พบว่านักท่องเที่ยวไทยเข้ามาค้นหาและจองกิจกรรมท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มสูงมากถึง 5 เท่า นั่นเป็นสัญญาณที่สะท้อนว่า คนไทยคิดถึงการท่องเที่ยวและพร้อมที่จะออกเดินทางแทบจะทันทีเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เราพบว่านักท่องเที่ยวมองหากิจกรรมการท่องเที่ยวที่พิเศษและแปลกใหม่สำหรับตัวเอง เพราะต้องการหลีกหนีและเปลี่ยนบรรยากาศจากกิจวัตรเดิมๆ ในช่วงโควิด-19 อาทิ กิจกรรมตกหมึกที่คาเฟ่ในพัทยา กิจกรรมดำน้ำลึกที่เกาะเต่า เป็นต้น
เทรนด์ #3 จัดทริปแบบส่วนตัวที่ต้องมาพร้อมกับการเดินทางแบบส่วนตัวเช่นกัน
นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงสถานที่ท่องเที่ยวหรือกิจกรรมท่องเที่ยวที่แออัด และพยายามที่จะลดการสัมผัสกับคนอื่น หรือเลือกที่จะเดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ ไปกับเพื่อนหรือครอบครัวที่ตนเองมั่นใจ และวิธีการเดินทางก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ โดยจากสถิติการซื้อกิจกรรมท่องเที่ยวบน Klook บริการเช่ารถได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในหลายประเทศทั่วทวีปเอเชีย โดยยอดการจองเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2020 มาจนถึงปัจจุบัน
เทรนด์ #4 คอนเทนต์ต้องปังและต้องมีช่องทางการติดต่อที่รวดเร็วทันใจ
มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2023 ประชากรชาวเอเชียแปซิฟิกมากกว่า 1,600 ล้านคน จะรับข่าวสารต่างๆ ผ่าน วิดีโอคลิปบนมือถือ ซึ่งตัวเลขนี้นับว่ากระโดดสูงขึ้น 75% จากตัวเลข 1,200 ล้านคนในปี 2019 ดังนั้นผู้ให้บริการการท่องเที่ยวต้องไม่มองข้ามการทำคอนเทนต์ผ่านวิดีโอ หรือการไลฟ์สตรีมมิ่ง โดยควรพัฒนาให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสื่อสารกับลูกค้าและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว
เทรนด์ #5 โหยหาทริปท่องเที่ยวยาวๆ กับจุดหมายปลายทางที่ไกลๆ
ช่วงที่ผ่านมา เราถูกจำกัดให้อยู่แต่กับบ้านนานเกินไป ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่นักท่องเที่ยวจะมองหาทริปท่องเที่ยวระยะไกลที่ใช้เวลานานกว่าทริปที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลของ GlobalData ได้ทำการสำรวจว่าเมื่อสามารถเดินทางข้ามประเทศได้แล้วนั้น นักท่องเที่ยวจะสนใจทริปท่องเที่ยวแบบใด โดยผลสำรวจเปิดเผยว่า 22% ของนักท่องเที่ยวมองหาทริปท่องเที่ยวที่ยาวมากกว่า 10 วัน ในขณะที่ทริปท่องเที่ยวสั้นๆ 1-3 วันได้รับการสนใจเพียง 14%
เทรนด์ #6 ตัวช่วยที่จะทำให้การเดินทางง่ายขึ้น
โควิด-19 ได้สร้างข้อจำกัดและกฎระเบียบมากมายให้นักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการต้องยื่นผลตรวจโควิดก่อนเดินทาง การทำประกัน ไปจนถึงการต้องแสดงผลการฉีดวัคซีน นักท่องเที่ยวต้องค้นหาข้อมูลและต้องดำเนินการหลายอย่างที่ทำให้การท่องเที่ยวยุ่งยากขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการท่องเที่ยวควรพิจารณานำเสนอบริการแบบครบวงจร ที่พร้อมให้บริการทุกอย่างครบจบที่เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ทำให้การเดินทางเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาได้
เทรนด์ #7 มองหาทริปแบบ Slow life และเข้าหาธรรมชาติมากขึ้น
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตทุกคน หลายคนต้องเผชิญกับความเครียดและ burnout จากงานที่ทำ หลายคนรู้สึกซึมเศร้าเพราะไม่ได้กลับบ้านไปหาครอบครัว หลายคนต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ เป็นระยะเวลานาน ดังนั้นเมื่อการท่องเที่ยวกลับคืนมา นักท่องเที่ยวจะต้องการการท่องเที่ยวแบบเนิบช้า ปล่อยใจปล่อยอารมณ์ไปกับธรรมชาติที่ห่างหายไปนาน
จาก 7 เทรนด์ข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวในช่วงที่ต้องเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในอีกมุมก็สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการปรับตัวของทุกภาคส่วน เพื่อที่จะอยู่รอดไปกับโควิด-19 หากผู้ประกอบการสามารถปรับตัว และคว้าโอกาสใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ เชื่อว่าการท่องเที่ยวในประเทศไทยจะต้องฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง และนักท่องเที่ยวจะสามารถกลับเดินทางไปท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
ฉลองครบรอบ 7 ปี ไม่พลาดกับดีลสุดปังจาก Klook
ทั้งนี้ ในโอกาสครบรอบ 7 ปีนี้ Klook จึงขอมอบของขวัญพิเศษเพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักท่องเที่ยว ให้กลับมาเดินทางได้อีกครั้งเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทย พบกับส่วนลดสุดพิเศษตลอดระยะเวลา 15 วัน ตั้งแต่วันนี้- 30 กันยายน 2021 ที่ครอบคลุมกิจกรรมท่องเที่ยวหลากหลาย ตั้งแต่ โรงแรม, รถเช่า, ทัวร์, สวนน้ำ สวนสนุก และอาหารมื้อเด็ด นอกจากนั้น Klook ยังเปิดตัว Coupon Pack มอบส่วนลดแบบสุดคุ้มสำหรับสายกิน Food Coupon Pack ราคาเพียง 700 บาท ได้ส่วนลดมูลค่า 1,050 บาทกับร้านอาหารบน Klook และสำหรับสายที่พัก พบกับ Hotel Coupon Pack ในราคา 1,555 บาท ได้ส่วนลดมูลค่า 2,400 บาทเมื่อจองโรงแรมบน Klookถ้าพร้อมแล้วไปค้นหาแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวของคุณกันได้เลย https://www.klook.com/th/tetris/promo/klook7years/