"จุรินทร์ "หารือทูตอินโดนีเซีย ดันส่งออก ข้าว-ลำไย พร้อมชวนซื้อสินค้าไทยกว่า 1,863 รายการ ผ่านช่องทางออนไลน์'จุรินทร์' หารือทูตอินโดนีเซีย ดันส่งออก ข้าว ลำไย พร้อมชวนชาวอินโดนีเซียซื้อสินค้าศักยภาพของไทยกว่า 1,860 รายการ บนแพลตฟอร์ม Blibli.com ของอินโดนีเซีย รวมถึงให้ช่วยอำนวยความสะดวกการนำเข้าข้าว ผลไม้สด และเครื่องปรับอากาศจากไทยด้วย เผย ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุม JTC ไทย-อินโดนีเซียครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หารือแนวทางคลี่คลายปัญหาการค้า การลงทุน ปลายปีนี้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังร่วมหารือนายรัคมัต บูดีมัน (H.E. Mr. Rachmat Budiman) เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 ณ กระทรวงพาณิชย์ อินโดนีเซียหารือกับไทยใน 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ประเด็นที่ 1 อินโดนิเซียต้องการให้ไทยนำเข้ากุ้งสดเพิ่มขึ้น แต่ยังติดปัญหาบางประการ ซึ่งไทยรับปากจะหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงผู้ประกอบการต่อไป ประเด็นที่ 2 อินโดนิเซียแจ้งว่าขณะนี้มีการออกกฎหมายส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ จึงอยากเชิญชวนนักลงทุนไทยไปลงทุน โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งเห็นว่าไทยและอินโดนีเซียควรร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนไทยได้หยิบหยก 4 ประเด็นใหญ่ คือ ประเด็นที่ 1 ไทยขออินโดนีเซียประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ชาวอินโดนีเซียซื้อสินค้าไทยบนแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ Blibli.com ของอินโดนีเซีย ซึ่งได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เปิดโอกาสให้สินค้าศักยภาพของไทยจากทั่วประเทศจำนวน 1,863 รายการ มาวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ ความงาม และไลฟ์สไตล์ ประเด็นที่ 2 ไทยขอให้อินโดนีเซียแก้ไขและลดปัญหาอุปสรรคจากกฎระเบียบการนำเข้าของอินโดนีเซียในสินค้าผลไม้สด โดยเฉพาะลำไยของไทยที่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ติดปัญหาจากมาตรการนำเข้าของอินโดนีเซีย เช่น การรับรองสวนผลไม้ตามมาตรฐานจีเอพี และมาตรฐานด้านสุขอนามัยเกี่ยวกับการบรรจุภัณฑ์ ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบของกระทรวงเกษตร และกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย รวมถึงสินค้าเครื่องปรับอากาศที่อินโดนีเซียกำหนดให้ต้องมีการขออนุมัตินำเข้า รวมถึงมีการกำหนดปริมาณการนำเข้าสินค้าเครื่องปรับอากาศด้วย ประเด็นที่ 3 ขอให้อินโดนีเซียพิจารณานำเข้าข้าวจากไทยเป็นลำดับแรกตามที่ทั้งสองฝ่ายได้มีการจัดทำ MOU ระหว่างกันเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และ ประเด็นที่ 4 ขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เอกชนและผู้นำเข้าอินโดนีเซียเข้าร่วมกิจกรรม OBM (Online Business Matching) ของประเทศไทยที่จะจัดขึ้นในปีนี้ คือ งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ 'Thai groove' ระหว่างวันที่ 23 - 26 พฤศจิกายน นี้ และงาน Gems@Phuket Sandbox ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม นี้นายจุรินทร์ เสริมว่า ไทยและอินโดนีเซียจะเร่งหาข้อสรุปในการแก้ปัญหาร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) โดยไทยพร้อมจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมปลายปีนี้ เพื่อคลี่คลายปัญหาด้านการค้า การลงทุน และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การจัดการประชุม JTC เป็นข้อตกลงที่ไทยและอินโดนีเซียจัดทำขึ้นร่วมกันตั้งแต่ปี 2554 แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการจัดประชุมมาก่อน ดังนั้น หากมีการจัดการประชุมขึ้นจะนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทั้ง 2 ประเทศ ปัจจุบัน อินโดนีเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 7 ของไทยในเวทีโลก และอันดับที่ 3 ของไทยในอาเซียน รองจากมาเลเซีย และเวียดนาม โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 การค้ารวมไทย-อินโดนีเซีย มีมูลค่า 11,226.66 ล้านเหรียญสหรัฐ (347,727.13 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 21.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยการส่งออกจากไทยไปอินโดนีเซีย มีมูลค่า 5,697.72 ล้านเหรียญสหรัฐ (175,488.01 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 1.23% มีสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทรายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เป็นต้น ขณะที่การนำเข้าจากอินโดนีเซียมีมูลค่า 5,528.94 ล้านเหรียญสหรัฐ (172,239.12 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 51.64% สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น