ค้าปลีกมูฟออนไปข้างหน้า มุ่งสู่เป้าหมายโรดแมปเปิดประเทศ ขับเคลื่อนธุรกิจฝ่าโควิด-19 หลังประกาศผ่อนปรนเปิดกิจการและธุรกิจเพิ่มเติมในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ คอมมูนิตี้มอลล์ ตอบรับสัญญาณบวกจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีแนวโน้มลดลง และจำนวนประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น เตรียมพร้อมพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และ นายนพพร วิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย ร่วมกล่าวว่า การที่ศบค. ผ่อนปรนให้เปิดธุรกิจเพิ่มเติมในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพของประเทศในเรื่องของระบบสาธารณสุขไทย ซึ่งรัฐบาลได้นำวัคซีนเข้ามาอย่างเพียงพอ และมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อที่ลดลง โดยทั้ง 2 สมาคมเชื่อมั่นว่าการเปิดธุรกิจในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น และทำให้ภาคค้าปลีกและบริการมีรายได้และเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็น การสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติ ทั้งนี้ สมาคมฯ พร้อมยกระดับและปฏิบัติตามมาตรการคุมเข้มโควิดขั้นสูงสุดของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เรื่องการขยายเวลา และการเปิดกิจการและธุรกิจเพิ่มเติม ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ คอมมูนิตี้มอลล์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ดังนี้
"อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 สมาคมฯ มีความเห็นว่าการบรรลุเป้าหมายนโยบายเปิดประเทศ ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วนในการจับมือวิ่งไปถึงเส้นชัยที่อยู่ไม่ไกลร่วมกัน นอกจากนี้ภาครัฐ ต้องเร่งผลักดันเศรษฐกิจอย่างจริงจังและตรงจุด สะท้อนผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ อาทิ มาตรการกระตุ้น การใช้จ่ายเพิ่มเติมในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีซึ่งเป็นไฮซีซั่น เช่น การนำมาตรการช้อปดีมีคืน หรือเพิ่มวงเงินของยิ่งใช้ยิ่งได้กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ กระตุ้นมู้ดการจับจ่ายให้กลับมาคึกคัก โดยสมาคมฯ พร้อมร่วมเดินเครื่องเศรษฐกิจกับทุกภาคส่วนอย่างมั่นคงและยั่งยืน ควบคู่กับมาตรการควบคุมโรคที่เหมาะสม ด้วยหลัก Covid Free Setting และ Universal Prevention เพื่อให้ธุรกิจกลับมาเติบโตเข้มแข็ง นับถอยหลังสู่การเปิดประเทศที่สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง" นายญนน์ กล่าวทิ้งท้าย