บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) เผยเข้าร่วมโครงการ Factory Sandbox กับภาครัฐ ขึ้นแท่นโรงงานสีขาว สู้ภัยโควิด-19 พร้อมเดินหน้าลุยขยายธุรกิจตามเป้าหมาย ฟากผู้บริหาร "วิโรจน์ วชิรเดชกุล" ระบุการเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงระยะยาว พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยให้กับพนักงาน คู่ค้า และผู้บริโภค แม้ทำให้ต้องบริหารจัดการเรื่องกำลังการผลิตและมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นบ้าง แต่กระทบผลงานไตรมาส 3/64 ไม่มากเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น! มั่นใจโค้งสุดท้ายปีนี้ฟื้นแรง เหตุรัฐเริ่มคลายล็อกดาวน์ เปิดเมืองท่องเที่ยว และเปิดสถานศึกษา หนุนกำลังซื้อฟื้น มั่นใจดันผลงานปีนี้โตเข้าเป้าระดับ 10%
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า บริษัทฯได้นำร่องโดยการใช้มาตรการป้องกันคุมการทำงานของแรงงาน และแยกกักพื้นที่ของแรงงานกลุ่มเสี่ยงภายในพื้นที่โรงงาน (Factory Accommodation Isolation : FAI) หรือ Bubble & Seal ตามโครงการของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา โดยแรงงานที่อยู่ในสายการผลิตจะถูกจัดพื้นที่ให้อยู่ในเขตควบคุมความปลอดภัยสูงสุด เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาแพร่ระบาด จนล่าสุดได้เข้าร่วมโครงการแฟคทอรี่แซนด์บ็อก (Factory Sandbox) ของกระทรวงแรงงาน โดยรณรงค์ในการรับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันครบ 100% และมีการตรวจ PCR ทุกๆ 7-14 วัน เพื่อสร้างความมั่นคงในระบบการผลิต อีกทั้งสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงาน คู่ค้า และผู้บริโภคของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี ตอกย้ำการเป็นผู้ผลิตให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินค้าในระดับสูงสุด
"ในไตรมาส 3/2564 ที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยอยู่ในช่วงวิกฤตที่สุด บริษัทฯจึงได้ตัดสินใจที่จะป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแพร่ระบาด โดยการทำ bubble & seal ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการแรงงานเพื่อผลิตสินค้า และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นบ้างในระยะสั้น แต่ก็ช่วยทำให้ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯสามารถบริหารจัดการในเรื่องการผลิตมาได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องปัญหาการแพร่ระบาดทำให้การกระจายสินค้าในหลายๆช่องทางมีปัญหานั้น บริษัทฯสามารถรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี จากการทำงานที่ใกล้ชิดกับทางคู่ค้า และวิธีการจัดส่งสินค้าของบริษัทฯเองที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทฯสามารถฝ่าวิกฤตที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งโดยปกติเป็นช่วง low season ของปีอยู่แล้วให้ผ่านมาได้ "
"ในช่วงไตรมาส 4/2564 คาดว่าภาพรวมธุรกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นมาก เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่รัฐบาลคลายล็อกดาวน์ การเปิดเมืองท่องเที่ยวภายในประเทศ เปิดสถานศึกษาให้มีการเรียนการสอนตามปกติ คาดว่าจะทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคฟื้นตัวได้เร็ว สนับสนุนให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และช่วยผลักดันผลงานในปีนี้เติบโตได้ในระดับ 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้"