TPIPL และ TPIPP ควงคู่ได้รับผลการประเมิน ESG ระดับ Gold จากสถาบันไทยพัฒน์ มุ่งสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Bio-Circular-Green Economy-BCG)
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ("TPIPL" ) และ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ("TPIPP") เปิดเผยว่า จากการที่สถาบันไทยพัฒน์ได้ประเมินข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) จากภาพรวมผลการดำเนินงานด้าน ESG ปี 2563 โดยใช้ตัววัด WFE ESG Metrics จำนวน 30 ตัวชี้วัด ของสมาพันธ์ตลาดหลักทรัพย์โลก (World Federation of Exchanges) สรุปคะแนนได้ โดยในภาพรวมผลการประเมินด้าน ESG ของทั้ง TPIPL และ TPIPP ปี 2563 อยู่ในระดับ Gold
กลุ่มบริษัท TPIPL และ TPIPP ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้การขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตของประชากรโลก ขณะที่แหล่งทรัพยากรมีจำกัด ก่อให้เกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน ปัญหาขยะล้นโลก
กลุ่มบริษัท TPIPL และ TPIPP ได้กำหนดทิศทางการดำเนินการของกลุ่มบริษัททั้งหมดโดยตั้งเป้ามุ่งเข้าสู่การพัฒนาองค์กร
อย่างยั่งยืน โดยนำหลักเศรษฐกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG และ Bio Circular-Green Economy-BCG For Sustainability) มาใช้ในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขายและการขนส่ง การใช้งาน และการนำกลับมาใช้ใหม่โดยใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ให้มากที่สุด โดยการมีเป้าหมายเพื่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในการใช้ทรัพยากร การผลิตผลิตภัณฑ์ ตลอดจนซากของผลิตภัณฑ์ ไปสู่การผลิตแบบคาร์บอนต่ำ ( Low carbon production) โดยมีเป้าหมายเบื้องต้นคือการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อน โดยการใช้พลังงานทดแทน เข้ามาในระบบการผลิต นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท TPIPL และ TPIPP ยังมุ่งที่จะพัฒนาการผลิตและผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท โดยการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในการเพิ่มคุณค่า หรือประยุกต์ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสนับสนุนภาคเกษตรกรรมของประเทศ เพื่อให้เกิดเป็นเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) และปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจสู่ New Normal โดยให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัล (Technology Digital) มาพัฒนาช่องทางออนไลน์ เพื่อเสนอสินค้าและบริการ พร้อมครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าสูงสุด