น.ส.สิริยาภา หยวกขาว นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาการจัดการ สาขาโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ บ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) ในฐานะ ประธานชมรมสุริยะอาสาพยาบาล มบส. เผยว่า ตลอดสถานการณ์การแพร่ ระบาดของไวรัสก่อโรคโควิด 19 ทั้ง 4 ระลอก ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในระลอกที่ 3 จนถึงระลอกที่ 4 ในปัจจุบัน สมาชิกชมรม สุริยะอาสาพยาบาล มบส. ซึ่งประกอบด้วย นักศึกษาและบัณฑิต มบส. จากทุกคณะสาขาวิชา รวมถึงคณาจารย์ กว่า 50 ชีวิต โดยมี ว่าที่ร้อยเอกบัญญัติ เสกนำโชค นักวิชาการศึกษา สำนักกิจการนักศึกษา มบส. เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาชมรม ได้เดินหน้า ภารกิจช่วยเหลือด้านการแพทย์ฉุกเฉินในหลายด้าน และอยู่เคียงข้างบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย รวมถึงประชาชนทั่วโดยไป ในหลายชุมชนรอบพื้นที่มหาวิทยาลัย อาทิ ชุมชนบางไส้ไก่บ้านสมเด็จ ชุมชนมัสยิดบ้านสมเด็จ วัดประดิษฐาราม ฯลฯ เช่น ร่วมประเมินอาการและนำเครื่องผลิตออกซิเจนเข้าช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด 19 ระดับสีเหลือง-สีแดงที่อยู่ระหว่างรอเตียงที่บ้าน โดยชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจต้านภัยโควิด 19 สุริยะอาสาพยาบาล ที่ผ่านการอบรมและได้รับการรับรองจากสถาบันการแพทย์ ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)
นอกจากนี้ ยังเป็นจิตอาสาส่งยาและเวชภัณฑ์ให้แก่ ผู้ป่วยโควิด 19 ตามบ้าน และหอพักนักศึกษา นำอาหารมื้อ กลางวันและมื้อเย็น ส่งให้ผู้ป่วยบริเวณศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อเขตธนบุรี (มบส.) ทุกวัน รวมถึงรับแจ้ง ประสานงาน และให้ คำแนะนำนักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และประชาชน เกี่ยวกับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 การดูแลการปฏิบัติตัวของผู้ติดเชื้อ การรักษาตัว เป็นต้น ผ่านช่องทางสื่อสารต่างๆ รวมถึงประสานงานกับแพทย์ พยาบาล ศูนย์พักคอย เพื่อช่วยเหลือ นักศึกษาและบุคลากรที่ติดเชื้อโควิด19 เข้าพักในศูนย์พักคอย มบส. ตามความประสงค์ ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วมีกรณีป่วยหนัก -30-40 ราย ที่ชมรมสุริยอาสาพยาบาลได้เข้าไปช่วยเหลือ ส่วนกรณีทั่วไปก็ 100 กว่าเกือบ 200 รายที่เข้าไปดูแลประสานงาน
ด้าน นายศุภลักษณ์ นิยมวงษ์ บัณฑิตนิติศาสตร์ มบส. ในฐานะอดีตประธานชมรมสุริยะอาสาพยาบาล ปี 2562 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการชมรม ระบุว่า พวกเราเป็นทีมการแพทย์ฉุกเฉินเล็กๆ ที่ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจดี ตลอดระยะเวลา 9 ปี ที่ก่อตั้งชมรมด้วยวัตถุประสงค์ที่อยากช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องในบ้านสมเด็จฯ กรณีป่วยหนัก ป่วยฉุกเฉิน จนปัจจุบันได้ขยายวงกว้างสู่ ประชาชนในพื้นที่ชุมชนรอบมหาวิทยาลัย ยิ่งมีเหตุการณ์โควิด 19 ทำให้พวกเราอยากพัฒนา ตัวเองให้มากยิ่งขึ้น จึงไปเข้าร่วมอบรมกับคณะแพทย์ในหลายสถาบัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภากาชาดไทย กรมควบคุมโรค เป็นต้น ยังมีการทบทวนความรู้ เพิ่มความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันภายในชมรม ในอนาคต ก็หวังว่าชมรมนี้จะกลายเป็นที่พึ่งด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่คอยช่วยเหลือ ห่วงใย เคียงข้างสังคมไทย